รู้จัก "เลย์วีย์" (LayV) ไวรัสน้องใหม่พบในประเทศจีน ติดเชื้อจากสัตว์สู่คน

ในช่วงนี้หลายๆ คนน่าจะได้ยินเกี่ยวกับเชื้อไวรัสชนิดใหม่ที่นักวิทยาศาสตร์ในประเทศจีนกำลังจับตาอยู่ ซึ่งเป็นไวรัสที่กำลังเริ่มมีการระบาดในพื้นที่ทางตะวันออกของจีน ที่มณฑลชานตง และมณฑลเหอหนาน 

ไวรัสนี้มีชื่อว่าไวรัส เลย์วี (LayV) หรือชื่อเต็มคือ ไวรัสลางยาเฮนิปาห์ (Langya Henipa Virus) ซึ่งเป็นไวรัสที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับไวรัสที่ก่อโรคหัด และคางทูม เป็นเชื้อไวรัสที่มีการค้นพบตั้งแต่เมื่อปี 2018 และพบต่อมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน และในวันนี้เราจะมาทำความรู้จัก การสังเกตอาการ พร้อมแนะนำวิธีป้องกัน ซึ่ง Starfish Labz สรุปเนื้อหาให้อ่านเข้าใจง่ายๆ ให้ลองนำไปศึกษากันดูค่ะ

การแพร่ระบาด

การระบาดไม่เกิดเป็นกลุ่มก้อนหรือคลัสเตอร์ แต่เป็นแบบกระจัดกระจาย ซึ่งเชื่อว่าหนูผี    (Shrews) สัตว์ฟันแทะที่มีขนาดเล็ก น่าจะเป็นสัตว์ตัวกลางที่แพร่เชื้อดังกล่าวมาให้คน โดยการติดเชื้อจะพบมากในคนที่ประกอบอาชีพที่มีสัตว์เหล่านั้นอาศัยอยู่ เช่น ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ซึ่งการติดเชื้ออาจเกิดจากการสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นโรค หรือสัมผัสโดนสารคัดหลั่งของสัตว์เหล่านั้น แต่ก็เป็นไปได้ว่า สัตว์ชนิดอื่นอาจจะเป็นแหล่งเชื้อโรคของไวรัสนี้และเป็นพาหะได้เช่นกัน เช่น สุนัขหรือแพะ ส่วนในด้านการติดเชื้อจากคนสู่คนนั้น ตอนนี้ยังไม่มีรายงานหรือหลักฐานที่ชี้ชัดว่าสามารถติดจากคนสู่คนได้  

อาการเป็นอย่างไร

อาการของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ LayV จะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ มีไข้สูง ไอ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย บางรายอาจมีการทำงานของตับและไตลดลง แต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสเลย์วี เพราะเชื้อไวรัสชนิดนี้ไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตหรือมีอาการรุนแรง 

วิธีการรักษา

ปัจจุบันพบว่ายังไม่มียาหรือวัคซีนที่จำเพาะกับเชื้อไวรัสตัวนี้ โดยการรักษาจะเน้นเป็นการรักษาตามอาการ และร่างกายสามารถหายจากโรคนี้ได้เองเหมือนกับเชื้อไวรัสทั่วไป

การป้องกันเบื้องต้น

หมั่นล้างมือก่อนทานอาหารหรือหยิบของเข้าปาก รักษาความสะอาดของร่างกายและบ้านเรือนให้ดี ออกกำลังกายและทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ที่คาดว่าป่วย และดูแลสุขภาพของสัตว์เลี้ยงให้สะอาดอยู่เสมอ 

ถึงแม้ว่า ทางกรมควบคุมโรคและผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านมองว่า โรคนี่ยังไม่น่าเป็นที่กังวลขนาดนั้น เนื่องจากอัตราการติดเชื้อไม่ได้สูงมาก และไม่ได้มีความรุนแรงมากเท่าไหร่ แต่เราก็ควรต้องติดตามข่าวสาร update เรื่อยๆ เพื่อที่เราจะได้รู้เท่าทันโรค และสามารถห่างไกลจากโรคเหล่านี้ได้นะคะ

แหล่งอ้างอิง:

ขอบคุณรูปภาพจาก : คมชัดลึก

www.nature.com/articles/d41586-022-02175-z