10 ทริคช่วยลูกเรียนออนไลน์ให้มีความสุขในยุคโควิด

เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดอยู่ตอนนี้ หลายโรงเรียนก็เริ่มทยอยเปิดให้เด็ก ๆ ได้มีการเรียนออนไลน์กันมากขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงคุณพ่อคุณแม่เองช่วงนี้ที่ได้มีเวลาอยู่กับเด็ก ๆ มากขึ้น จึงทำให้ต้องมีการควบคุมการเรียนของลูกในรูปแบบออนไลน์ด้วยทั้งของโรงเรียนเอง และคอร์สที่สมัครเรียนออนไลน์เพื่อพัฒนาทักษะในตัวเด็ก ๆ ด้วย
แต่การเรียนออนไลน์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเด็ก ๆ นะคะ เพราะด้วยความเป็นเด็กเขาก็จะมีความซุกซน ชอบเล่น และอยู่ไม่นิ่งเหมือนผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ อยู่แล้ว วันนี้ Starfish Labz จึงมาพร้อมกับมา 10 เทคนิค เรียนออนไลน์ยังไงให้รอด วางแผนการเรียนออนไลน์ยังไงให้ลูกมีความสุขสำหรับเด็ก ๆ มาฝากผู้ปกครองกัน จะมีเทคนิคใดน่าสนใจกันบ้าง ไปดูกันเลย
1. กำหนดตารางเวลาให้กับลูก
เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายเลยทีเดียวสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้นะคะ การกำหนดตารางเวลานี้อาจจะต้องให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตว่าลูกสนใจเรื่องอะไร แล้วค่อย ๆ เข้าไปมีส่วนร่วมในการเรียนออนไลน์ของลูก จากนั้นก็กำหนดตารางเวลากิจวัตรประจำวัน เช่น ต้องตื่นนอนเวลาเดียวกับไปโรงเรียน หรือเมื่อถึงเวลาต้องทำการบ้านก็ต้องทำตามที่เวลาที่พ่อแม่กำหนด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจจะยืดหยุ่นได้บ้าง อย่างการทำการบ้าน หากเด็ก ๆ ยังไม่อยากทำวิชาคณิตศาสตร์ คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะเปลี่ยนวิชาศิลปะมาให้ลูกแทน เป็นต้น
2. ช่วยจัดสรรสิ่งอำนวยความสะดวก
คุณพ่อคุณแม่คือผู้ที่ต้องเป็นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ช่วยหาสื่อการเรียนรู้ที่น่าสนใจ ช่วยหาพื้นที่ในการอ่านหนังสือหรือเรียนออนไลน์ในบ้านให้ลูกอย่างเหมาะสม เช่น ควรเป็นพื้นที่ที่ลูกจะถูกการรบกวนให้น้อยที่สุดภายในบ้าน เรื่องอาหารว่างต่าง ๆ ที่เมื่อไหร่ที่ลูกพักการเรียนก็มีคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่บ้านนี่แหละค่อยจัดสรรให้ นอกจากนี้เรื่องของเทคโนโลยี อย่าง Wi-Fi ก็เป็นเรื่องสำคัญ พวกคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ก็ต้องพร้อมด้วย หากเป็นเช่นนี้รับรองได้เลยว่าการเรียนออนไลน์ของเด็ก ๆ จะราบรื่นไปได้ด้วยดีเลยค่ะ
3. คอยสื่อสารกับคุณครูสม่ำเสมอ
คุณพ่อคุณแม่สามารถสื่อสารกับคุณครูได้เสมอทั้งคุณครูประจำชั้น หรือคุณครูที่เป็นคอร์สเรียนออนไลน์ต่าง ๆ เพราะการสื่อสารถือเป็นสิ่งสำคัญ พ่อแม่อาจจะคอยถามคำถามต่าง ๆ กับคุณครูได้ ทั้งเรื่องการเรียนของลูก ปัญหาของลูก เพื่อปรับการเรียนการสอนของทั้งสองฝ่ายให้ดียิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
4. ชวนเพื่อนของลูกมาเรียนด้วยกัน
ถ้าช่วงนี้อาจจะเรียนได้ไม่มาก เพราะอยู่ในสถานการณ์โควิด แต่หากสถานการณ์ดีขึ้น คุณพ่อคุณแม่อาจจะลองหาเด็ก ๆ ที่สนิทกับเขาหรือสนใจในสิ่งเดียวกันมาลงคอร์สเรียนด้วยกันได้ เพราะนอกจากการที่จะเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนของลูกแล้ว ยังประหยัดได้ด้วย เพราะบางคอร์สก็สามารถเรียนพร้อมกันได้หลาย ๆ คน เมื่อเรียนเสร็จก็ยังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความรู้กันได้อีกนะคะ
5. ให้รางวัลกับลูกเมื่อเรียนสำเร็จ
อาจจะเป็นขนมหรือของเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือไม่ก็อาจจะเป็นคำชมจากคุณพ่อคุณแม่ ก็ทำให้ลูกมีกำลังใจในการเรียนได้แล้วค่ะ อีกทั้งยังทำให้เด็ก ๆ สนุกกับการเรียนออนไลน์และสร้างแรงจูงใจให้พัฒนาตัวเองต่อไปได้อีกด้วยนะคะ
6. หาเวลาพักผ่อนให้ลูกบ้าง
เพราะร่างกายและจิตใจถือเป็นเรื่องสำคัญในการเรียนออนไลน์เลย อาจจะหยุดพักพาลูกเดินออกไปจากหน้าจอบ้าง เคลื่อนไหวร่างกายบ้าง เพื่อให้สมองและร่างกายได้พักผ่อน ดื่มน้ำให้เพียงพอ และทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ก็ช่วยได้มากเลยค่ะ
7. สร้างกลุ่มผู้ปกครอง
คุณพ่อคุณแม่อาจจะสร้างจาก Line หรือ Facebook group ที่มีเฉพาะผู้ปกครองที่เรียนคอร์สเดียวกันหรือเรียนร่วมชั้นกันกับลูก เพื่อติดต่อและแลกเปลี่ยนความคิด ความรู้ และปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเรียนออนไลน์ อีกทั้งยังให้คำปรึกษาซึ่งกันและกัน คอยเป็นกำลังใจให้กันได้เมื่อยามทุกข์ยากนั่นเองค่ะ
8. คาดหวังความพยายามของลูก แทนที่จะเป็นความสำเร็จหรือความสมบูรณ์แบบ
การเรียนโดยปกติก็ว่าเหนื่อยและยากแล้ว การเรียนออนไลน์ก็ยิ่งยากและท้าทายสำหรับเด็ก ๆ หลายคนมากกว่า บางทีเด็ก ๆ ก็อาจจะฟังไม่ทัน, ไม่กล้าถาม, ไม่กล้าตอบ หรือต่อให้บางที พวกเขาพยายามถาม พยายามตอบ พยายามทำความเข้าใจแล้ว รูปแบบการเรียนออนไลน์ก็อาจทำให้พวกเขารู้สึกเบื่อหน่าย ท้อถอย หรือทำให้การทำความเข้าใจเนื้อหายากยิ่งกว่าเดิม ส่งเหล่านี้เป็นผลพวงอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเรียนออนไลน์ แต่เป็นผลพวงที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำความเข้าใจ ให้กำลังใจ และคอยสนับสนุนให้ลูกโฟกัสกับความพยายามแทนที่จะหมกมุ่นอยู่กับความสำเร็จหรือความสมบูรณ์แบบ หากไม่เข้าใจในวันนี้ พรุ่งนี้ก็พยายามใหม่ ค่อย ๆ ทำความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อยในแต่ละวัน
9. พยายามลดหรือกำจัดสิ่งรบกวน
การเรียนที่บ้านแสนสบาย แต่ก็เต็มไปด้วยสิ่งรบกวนจิตใจมากมายที่อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อสมาธิของเด็ก ๆ สมาชิกครอบครัว, หมาแมว, โทรศัพท์มือถือ, ทีวี, ตลอดจนขนมนมเนย, อาหารต่าง ๆ นอกจากเตรียมอุปกรณ์ และตารางเวลาที่แน่นอนให้พวกเขาแล้ว การจัดพื้นที่ในการเรียนรู้ที่เหมาะสมก็สำคัญด้วย คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกพื้นที่ที่สงบ ปราศจากสิ่งรบกวน หรือบอกสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ ให้รับรู้ถึงตารางเวลาเรียนของลูกด้วย เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวเคารพพื้นที่การเรียนรู้ของเด็ก ๆ และไม่แวะมารบกวนบ่อย ๆ ในขณะที่พวกเขากำลังเรียน
10. ช่วยลูกทำความเข้าใจฟีเจอร์แอปฯ หรือเทคโนโลยีในการเรียนรู้ต่าง ๆ
หลาย ๆ โรงเรียนก็ต่างใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน บางแห่งใช้ Microsoft Team, บางแห่งใช้ Zoom, บางแห่งใช้ Facebook นอกเหนือจากการสนับสนุนทางด้านอุปกรณ์, กำลังใจ, และสิ่งอื่น ๆ แล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังควรสอดส่องด้วยว่าลูก โดยเฉพาะเด็กเล็ก เข้าใจเทคโนโลยีที่เขากำลังใช้หรือเปล่า หรือมีวิธีใดหรือเปล่าที่จะช่วยให้เขาเข้าใจและใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าวได้ดียิ่งกว่าเดิม
บทความใกล้เคียง
5 สื่อการสอนภาษาจีนสุดปัง ระดับคุณภาพ แถมฟรี สำหรับเด็ก ๆ จาก Starfish Labz

4 วิธีช่วยลูกต่อสู้กับ Unfinished Learning เรียนออนไลน์ยังไงให้เข้าใจและเข้าหัว

5 คอร์สออนไลน์ยอดฮิต เรียนฟรี แสนคุ้มค่า จาก Starfish Labz

Related Courses
How to รู้เท่าทันมิจฉาชีพบนโลกไซเบอร์
ทุกวันนี้การใช้งานบนโลกอินเทอร์เน็ตก็เหมือนกับดาบสองคม ที่ไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆ เสมอไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้แล้วว่าจะเลือกข้อมูลด้านไหน ...



การสอนคณิตศาสตร์ (3R)
คณิตศาสตร์จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แค่เรามีเทคนิคดีๆ มาเป็นตัวช่วยในการสอน คณิตศาสตร์ของเราก็จะเป็นเรื่องง่าย ไม่น่าเบื่ ...



ฝึกทักษะพื้นฐานในการตัดสินใจ (Decision Making)
การตัดสินใจที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้น ถ้าหากได้รับการฝึกฝนทักษะการตัดสินใจตั้งแต่วัยรุ่น ก็จะเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิ ...



พัฒนาการด้านร่างกายสำคัญอย่างไร
เรียนรู้ความสำคัญ ตัวอย่างกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย แนวทางการจัดประสบการณ์และการประเมินพัฒนาการด้านร่า ...



Related Videos


พื้นที่แห่งการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21


ออนไลน์ ไม่อ่อนใจ พ่อแม่ลูกต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน


Starfish Trend Talk | EP.3 | : เราต่างต้องค้นหาตัวเองในทุกช่วงวัย

