ชวนฝึกภาษาอังกฤษจากซีรีส์ สำเนียงดีได้ ไม่ต้องเครียด

ยุคนี้ใครๆ ก็อยากเก่งภาษาอังกฤษค่ะ แต่จะดีกว่าไหมถ้าได้เรียนรู้สำเนียง และรูปประโยคที่ใช้กันจริงๆ ในชีวิตประจำวันได้ แล้วยังสนุกอีกด้วย เราจึงขอแนะนำวิธีการฝึกภาษาอังกฤษจากซีรีส์ อีกหนึ่งวิธีที่เรียนภาษาอังกฤษกันได้ทั้งบ้าน รับรองได้ว่าทั้งสนุกและได้ฝึกพูดแบบสำเนียงเป๊ะเวอร์อีกต่างหาก

เลือกเรื่องไหน ใช้ฝึกภาษาได้ดีกว่า

ก่อนจะฝึกภาษาอังกฤษจากซีรีส์ เรามีหลักเกณฑ์ง่ายๆ ในการเลือกซีรีส์เรื่องที่เหมาะมาฝากกันค่ะ

1.เลือกเรื่องที่เน้นการพูด 

เพราะเราต้องการฝึกภาษา ซีรีส์สายแอคชั่นคงไม่เหมะ แนะนำให้เลือกดูเรื่องราวเบาสมอง sit-com หรือ comedy จะเหมาะกว่า

2.เลือกเรื่องที่ชอบ และเหมาะกับวัย

คงจะอึดอัดน่าดู ถ้าลูกต้องถูกบังคับให้ดูเรื่องที่ไม่สนใจ ที่สำคัญต้องดูเรื่องความเหมาะสมของช่วงวัยด้วย โชคดีที่ซีรีส์ต่างประเทศค่อนข้างหลากหลาย และมีระดับอายุที่เหมาะสมกำกับ แต่จะมีทั้งความรุนแรง และเรื่องเพศแทรกอยู่ด้วย ดังนั้นจะเลือกดูเรื่องไหนคุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องช่วยลูกกรองกันสักนิดค่ะ 

3.เริ่มจากเรื่องที่ฟังง่าย และไม่นาน

เราแนะนำเริ่มต้นด้วยซีรีส์ที่เป็น Sit-Com ก่อน เนื่องจากส่วนมากจะมีระยะเวลาแค่ตอนละ 20 – 30 นาทีเท่านั้น เป็นช่วงเวลาที่ตั้งสมาธิในการฟังได้ดี และลองเลือกซีรีส์ฝั่งอเมริกันก่อน เพราะซีรีส์ฝั่งนี้มีสำเนียงที่เราค่อนข้างคุ้นเคย จะพูดชัด และเข้าใจศัพท์ได้ง่ายกว่า อีกทั้งรูปประโยคที่ใช้ก็สามารถนำไปใช้งานจริงๆ ได้อีกด้วย ไม่เฉพาะทางจนเกินไป

4.ฝึกอย่างเป็นขั้นตอน

เราแนะนำให้ฝึกอย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ และใช้เวลาฝึกต่อการฝึก ประมาณ 20 - 40 นาทีต่อวัน ซึ่งทั้งหมดสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม โดยเริ่มจาก 

- เริ่มจากเปิดซับไทยดู 1 รอบ เพื่อให้เข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมด

- ตามด้วยเปิดซับอังกฤษ เพื่อเรียนรู้คำศัพท์ และรูปประโยคภาษาอังกฤษ

- ฟังเสียงต้นฉบับ ปิดซับทั้งหมด เพื่อฝึกฟัง และออกเสียงตาม เป็นการทวนและจำประโยคต่างๆไปในตัว

ซีรีส์ 5 เรื่องนี้เราขอแนะนำ

• Glee

เรื่องราวในโรงเรียนไฮสคูลอเมริกันจ๋า American high school drama  ที่นอกจากจะได้ฝึกภาษาแล้ว ในเรื่อง ลูกยังได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านการร้องเพลงได้อีกด้วย เรื่องนี้ค่อนข้างวัยรุ่น น่าจะสนุกได้ไม่ยาก ศัพท์ต่างๆ วัยรุ่นก็ใช้กันจริง แถมมีเทคนิคการร้องเพลง และการใช้ชีวิตแทรกอยู่ด้วย

• Once Upon a Time

เรื่องราวของโลกเทพนิยาย ที่ทับซ้อนกับโลกปัจจุบัน เรียกว่าเหมือนเอาการ์ตูน

วอลส์ ดิสนีย์ และนิทานทางฝรั่งตะวันตกมายำรวมกัน เนื้อเรื่องเข้าใจไม่ยากเพราะเด็กๆน่าจะคุ้นเคยกับตัวละครดี แถมยังมีความแฟนตาซีให้น่าติดตาม เรื่องนี้อาจจะมีบางตอนที่มีความรุนแรงบ้าง นอกจากภาษาในโลกปัจจุบัน ยังได้รู้ศัพท์ดั้งเดิมของฝั่งตะวันตกอีกต่างหาก เช่น “thy” ที่หมายถึง “your” เป็นต้น

• The Good Place

เรื่องราวหลังความตายที่ The Good Place หรืออาจจะเรียกว่าสวรรค์ก็ได้ แต่นางเอกมาถึงแล้วก็มีเรื่องราวประหลาดให้ต้องหาคำตอบ เรื่องนี้เนื้อเรื่องไม่หวือหวา ออกแนวสอนใจ  แต่ดีเด่นที่นักแสดงพูดชัดมาก และยังได้ทั้งสำเนียงอังกฤษและอเมริกันอีกด้วย

• The Big Bang Theory 

เด็กเนิร์ดสายวิทย์นี่ต้องดูเลยค่ะ เพราะตัวละครนอกจากจะฮาแล้วก็พูดชัดมาก ใครที่ชอบ Star Wars หรือ Star Trek หรือชื่นชอบวิทยาศาสตร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็สนุกได้ไม่ยาก แต่ก็แอบมีความยากที่คำศัพท์วิทยาศาสตร์ และมุกตลกฝรั่งที่บางครั้งเอเชียเราก็อาจจะเข้าใจยากสักหน่อย แต่เรื่องนี้ไม่มีความรุนแรง ไร้ฉาก 18+ 

• Modern Family 

ซีรีส์ Feel Good ที่เนื้อหาสะท้อนเรื่องราวของครอบครัว ที่ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรผ่านเข้ามาก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ความดีงามในเรื่องนี้คือ มีภาษาหลายช่วงวัย สำเนียงอเมริกันเป็นหลัก เข้าใจง่าย แฝงเรื่องการใช้ชีวิตได้ดีเลย

นี่ล่ะค่ะวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้การเรียนภาษาอังกฤษนั้นสนุกมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญอย่าลืมออกเสียงไปด้วย เพราะการเรียนภาษาให้ได้ดีไม่ใช่แค่การฟังเท่านั้น แต่ต้องสื่อสารไปด้วย ลองเลียนเสียง สำเนียงในตัวละครระหว่างที่ดูไปด้วย ก็จะช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้นค่ะ