วิชาพละสไตล์เด็กบ้านเรียน

เมื่อพูดถึงการเรียนของลูก หลายๆ ครอบครัวมักนึกถึงการเรียนรู้เชิงวิชาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ ภาษา วิทยาศาสตร์ ฯลฯ แต่วิชาหนึ่งที่มักไม่ค่อยมีใครพูดถึง หรืออาจถูกมองว่า สำคัญน้อยกว่าวิชาอื่นๆ นั่นก็คือ พลศึกษา สำหรับครอบครัวที่จดทะเบียนบ้านเรียนกับเขตพื้นที่การศึกษา ที่ต้องใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี 2551 ของกระทรวงศึกษาธิการ วิชาพละ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา เป็นกลุ่มสาระหนึ่งที่เด็กๆ ต้องได้รับการเรียนการสอน
หลักสูตรแกนกลางฯ ระบุเกี่ยวกับการเรียนรู้วิชาพละสำหรับชั้นประถมและมัธยมไว้ว่า “มุ่งเน้นให้ผู้เรียนใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหว การออกกำลัง การเล่นเกมและกีฬา เป็นเครื่องมือการพัฒนาโดยรวมทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา” ซึ่งหากเรียนรู้ในโรงเรียน เด็กๆ ก็อาจได้เล่นกีฬามีการแข่งขันแบ่งทีมกับเพื่อนๆ แต่เมื่ออยู่ในระบบโฮมสคูลแล้ว พ่อแม่ในฐานะผู้จัดการศึกษาจะส่งเสริมให้ลูกได้เคลื่อนไหวร่างกาย ออกกำลัง ได้อย่างไร ลองมาหาคำตอบกัน
ตั้งเป้าหมายเรียนรู้เรื่องสุขภาพ
เด็กโฮมสคูล ค่อนข้างมีอิสระที่จะเลือกหัวข้อการเรียนรู้ที่ตนเองสนใจภายใต้วิชาต่างๆ ซึ่งวิชาพละก็เช่นเดียวกัน แต่หากยึดตามหลักสูตรแกนกลางฯ พ่อแม่ผู้ปกครอง อาจต้องศึกษาเกณฑ์วัดคุณภาพผู้เรียนที่คาดหวังตามแต่ละปีการศึกษา เพื่อนำมาประกอบการเรียนการสอนด้วย อย่างไรก็ตาม พื้นฐานสำคัญที่พ่อแม่ควรกำหนดเป็นเป้าหมายการศึกษาวิชาพละและสุขศึกษา ได้แก่
- การออกกำลังกายรูปแบบต่างๆ
- พื้นฐานการเล่นกีฬาที่สนใจ
- การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
- สัญญาณอันตรายจากร่างกายที่ควรไปพบแพทย์
- โภชนาการอาหารและความสำคัญของโภขนาการ
- เรื่องเพศศึกษาเบื้องต้น
จะเห็นกว่าการเรียนพลศึกษายังรวมถึงเรื่องพื้นฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมีสุขภาพที่ดี เช่น โภชนาการ การ ดูแลร่างกาย และปฐมพยาบาลเบื้องต้น
การตั้งเป้าหมายการเรียนการสอนวิชาพละ จะช่วยให้พ่อแม่ซึ่งเป็นผู้จัดการศึกษา มีแนวทางคร่าวๆ ในการวางแผนการเรียนรู้ของลูกได้ตลอดทั้งปี ไม่ได้มุ่งเน้นแต่การเล่นกีฬา หรือออกกำลังเพียงอย่างเดียว แต่ครอบคลุมถึงเรื่อง อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของผู้เรียนด้วย
พละแบบเด็กโฮมสคูล
การใช้พลังเคลื่อนไหวร่างกาย เล่นกีฬา อาจเป็นสิ่งที่เด็กบางคน ทำเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว เช่น เด็กๆ ที่ออกไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนตอนเย็นๆ หรือเด็กๆ ที่ชอบเต้นเป็นชีวิตจิตใจ แต่หากเป็นการเรียนพละแล้ว เด็กๆ จำเป็นต้องเรียนรู้มากไปกว่าการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อความสนุกสนาน แต่ยังต้องรู้วิธีการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างปลอดภัยด้วย
คุณพ่อคุณแม่อาจพาลูกร่วมกิจกรรมตามศูนย์กีฬาเยาวชนที่จะมีคอร์สสอนการเล่นกีฬาต่างๆ อาจให้เด็กๆ เลือกประเภทกีฬาที่ตนเองสนใจ เด็กโฮมสคูล ควรได้ทำกิจกรรมออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน นอกจากนี้ การสนับสนุนให้เด็กๆ เล่นกีฬาเป็นทีม ก็เป็นอีกทักษะสำคัญที่ควรหาโอกาสให้ลูกได้มีประสบการณ์ เพราะเด็กๆ จะเรียนรู้เรื่องทีมเวิร์ค กฏ กติกา ทักษะทางสัมคม และทักษะชีวิตอื่นๆ อีกด้วย
ยิ่งเด็กๆ มีประสบการณ์เล่นกีฬาที่หลากหลาย ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวพวกเขาเอง พ่อแม่ผู้ปกครองควรหมั่นหาโอกาสให้ลูกทดลองเล่นกีฬาหลายๆ รูปแบบ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ขี่ม้า พายเรือคายัค ฟุตบอล เต้น โยคะ ฯ บางชนิด อาจเปิดยูทูปทำตามง่ายๆ ได้ เช่น โยคะ หรือเต้น บางชนิดอาจต้องมีผู้เชี่ยวชาญแนะนำ ซึ่งการที่เด็กๆ ได้ทดลองเคลื่อนไหวร่างกายผ่านกีฬาหลายๆ รูปแบบ จะช่วยให้พวกเขาค้นพบศักยภาพในตนเองและรู้ว่าตัวเองชอบอะไร เหมาะกับสิ่งไหนได้ง่ายขึ้น
ชวนลูกเล่นกีฬาอะไรดีนะ?
หากยังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มยังไง ลองมาดูไอเดียสำหรับชวนลูกเล่นกีฬากันค่ะ
กีฬาที่เล่นคนเดียว
- ว่ายน้ำ
- โยคะ
- วิ่ง
- เต้น
- สเกตบอร์ด
- ปั่นจักรยาน
- ปีนหน้าผาจำลอง
กีฬาที่เล่นเป็นทีม
- ฟุตบอล
- บาสเกตบอล
- วอลเล่ย์บอล
กีฬาที่ต้องมีคู่แข่งขัน
- แบดมินตัน
- เทนนิส
- ปิงปอง
ลูกไม่ชอบออกกำลัง ทำอย่างไร?
เด็กๆ แต่ละคนก็มีความชื่นชอบและความถนัดไม่เหมือนกัน ครอบครัวที่เลือกทำโฮมสคูลน่าจะเข้าใจประโยคข้างต้นได้เป็นอย่างดี เด็กบางคนอาจไม่ชอบการออกกำลังกาย ไม่ชอบเล่นกีฬา และย่อมหมายถึงไม่ชอบวิชาพละด้วยเช่นกัน
หากนักเรียนที่บ้าน มีอาการยี้ทุกทีที่พ่อแม่ชวนไปออกกำลังกาย อาจใช้วิธีชวนลูกออกกำลังผ่านการเล่นวิดีโอเกม อย่าง Wii หรือซื้อแผ่นเกมส์เต้นมาไว้เล่นที่บ้าน อาจให้ลูกเป็นคนเลือกว่าจะทำกิจกรรมอะไร เด็กๆ ที่รักธรรมชาติ พ่อแม่ลองจัดกิจกรรมเดินป่า หรือเดินสำรวจธรรมชาติในสวนสาธารณะ พายเรือคายัค ปั่นจักรยาน ถีบเรือเป็ด ก็ถือเป็นการออกกำลังกายได้เช่นกัน
ข้อดีของการทำโฮมสคูล คือ พ่อแม่ผู้ปกครอง สามารถชวนเด็กๆ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ หากิจกรรมการเรียนรู้มาให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และเป้าหมายการเรียนรู้ได้ไม่จำกัด ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุกยิ่งขึ้นสำหรับทุกคนในครอบครัว
Related Courses
การเขียนโปรแกรม ด้วย SCRATCH
Scratch (อ่านว่า: สะ - แครช) เป็นโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับเด็กในวัย 8 ถึง 16 ปี แต่คนทุกเพศทุกวัย ...



คู่มือการสอนนวัตกรรม 3R ฉบับบ้านปลาดาว
คงจะดีถ้าการอ่านออกเขียนได้ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป นวัตกรรม3R โรงเรียนบ้านปลาดาว ได้ออกแบบชุดการสอนที่ง่ายและเกิดผล ...



ก้าวสู่หลักสูตรฐานสมรรถนะ (CBE)
หลักสูตรฐานสมรรถนะ เป็นหลักสูตรที่เน้นการวัดผลแบบสมรรถนะแทนการท่องจำเนื้อหาเพียงเพื่อนำมาสอบ หลักสูตรฐานสมรรถนะยังเป็ ...



สอนวิทยาศาสตร์ อย่างไรให้ทรงพลังตามเกณฑ์ วPA
คุณครูไม่ต้องกังวลใจไป เมื่อมีการประกาศเกณฑ์ในการประเมินวิทยฐานะใหม่ (วPA) มาเตรียมตัวให้พร้อมกับการประเมินวิทยฐานะ ...



Related Videos


พื้นที่แห่งการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21
![Starfish Country Home School Foundation [ENG]](https://img.youtube.com/vi/eeT-qLyd87U/mqdefault.jpg)

Starfish Country Home School Foundation [ENG]


การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ (Integrated Learning Management)

