อย่าปล่อยให้เด็ก ๆ ชินชากับความรุนแรงในสังคม

Starfish Academy
Starfish Academy 4599 views • 4 ปีที่แล้ว
อย่าปล่อยให้เด็ก ๆ ชินชากับความรุนแรงในสังคม

ทุกวันนี้เรามักจะเห็นข่าวความรุนแรงจากสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ เฟซบุ๊ก ยูทูบ หรือภาพยนตร์ต่าง ๆ เช่น เด็ก ๆ ล้อเลียนกลั่นแกล้งด้วยการทำร้ายร่างกายกัน คุณครูไม่พอใจจนใช้ความรุนแรงกับเด็ก เป็นต้น แต่น่าแปลกที่สังคมเรา กลับให้ความสำคัญกับเรื่องความรุนแรงค่อนข้างน้อย รวมทั้งบางคนกลับมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ อาจเพราะสังคมหล่อหลอมให้เราเคยชินกับสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เช่น ภาพดาราตลกที่ใช้ถาดฟาดศีรษะอีกคน แล้วสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมได้ สิ่งนี้เองค่อย ๆ หยั่งรากลึกให้เราชินชาไปกับความรุนแรง

บี.เอฟ.สกินเนอร์ (Burrhus Frederic Skinner) นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน กล่าวว่า ผลลัพธ์ของการกระทำ จะทำให้บุคคลหนึ่งแสดงพฤติกรรมเดิมเพิ่มมากขึ้น หรือลดน้อยลงได้ เช่น เมื่อเด็ก ๆ วางรองเท้าให้เป็นระเบียบ แล้วผลลัพธ์ คือ การชมเชย เขาก็จะแสดงพฤติกรรมเดิมมากขึ้น กล่าวคือ เก็บรองเท้าให้เป็นระเบียบอย่างสม่ำเสมอ นั่นเอง โดยคำชมเชยนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า

“การเสริมแรง” (Reinforcement) ซึ่งหมายถึง การสร้างแรงจูงใจให้ทำพฤติกรรมนั้นเพิ่มขึ้นอีก โดยการเสริมแรง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การเสริมแรงทางบวก (Positive Reinforcment) คือ การให้สิ่งที่บุคคลนั้นพึงพอใจ มีผลทำให้บุคคลแสดงพฤติกรรมถี่ขึ้น เช่น คำชมเชย หรือการให้รางวัล และการเสริมแรงทางลบ (Negative Reinforcement) มีวัตถุประสงค์เดียวกับตัวเสริมแรงทางบวก แต่ใช้วิธีการต่างกัน เช่น การบ่น คำตำหนิ หรือใช้เสียงดัง

ในที่นี้จะขอพูดถึงการเสริมแรงทางบวกมาอธิบายเรื่องความรุนแรงในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น การกดไลค์ กดแชร์ คอมเมนต์ในเชิงบวก หรือตลกขบขัน ถ้าเกิดสิ่งเหล่านี้มาก ๆ คลิป หรือสื่อที่มีความรุนแรง จะยิ่งได้รับความนิยม และได้รับความสนใจมากขึ้น นับเป็นการเสริมแรงทางบวก ให้รู้สึกว่าสื่อ หรือคลิปที่มีความรุนแรงเป็นเรื่องที่ดี หรือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งพฤติกรรมนี้อาจสร้างผลกระทบให้กับเด็ก และลูกหลานเราโดยไม่รู้ตัว วันนี้เราเลยจะมาแนะนำวิธีที่จะทำให้เด็กไม่ชินชากับความรุนแรงมาฝากพ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านกัน

ขอบคุณภาพจาก tirachardz

1. พ่อแม่ไม่ควรเปิดคลิปความรุนแรงให้ลูกเห็น  แน่นอนว่าคุณพ่อ คุณแม่ควรระวังอย่างมากในการเล่นโซเชียลมีเดียระหว่างที่อยู่กับลูก ไม่ควรให้ลูกเห็นคลิปที่มีการกระทำรุนแรง หรือถ้าลูกเห็นแล้วควรจะบอกกับเขาว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งไม่ดี และไม่ควรเลียนแบบ เพราะอะไร จะทำให้ลูกเรียนรู้ไปเองว่าถ้าทำแบบนั้นเขาจะกลายเป็นเด็กที่ไม่ดี

2. เมื่อลูกทำผิดให้ตักเตือน มากกว่าการทำร้ายร่างกายด้วยการตบตี  สุภาษิตไทยสอนว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” แต่หารู้ไม่ว่าการตีอาจไม่เกิดประโยชน์เสมอไป ควรตักเตือนด้วยคำพูดที่ดีและมีเหตุผลจะดีกว่าการทำร้ายทางร่างกาย และวาจา เพราะถ้าลูกทำผิดแล้วถูกทุบตีบ่อย ๆ เข้า เขาก็จะมองพฤติกรรมนี้เป็นเรื่องปกติ อาจส่งผลให้โตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ก้าวร้าว และแก้ไขปัญหาด้วยการใช้ความรุนแรงได้ในอนาคต

3.สนใจรายการที่เด็กกำลังดูอยู่ ถ้าคุณพ่อ คุณแม่เห็นว่าลูกกำลังดูโทรทัศน์ที่อาจจะมีฉากใช้กำลัง ทำร้ายร่างกายกัน พ่อแม่ควรบอกว่าสิ่งนี้ไม่ดี และบอกให้ลูกทราบว่าเราสามารถแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นได้ที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรง

4.ปฏิเสธเมื่อลูกขอดูรายการที่มีเนื้อหารุนแรง แน่นอนว่าธรรมชาติของเด็กเล็ก ๆ ยิ่งห้ามก็เหมือนจะยิ่งยุ เพราะฉะนั้นคุณพ่อ คุณแม่ควรรับมือด้วยการชวนลูกมานั่งคุยกันว่า รายการนี้ละครเรื่องนี้ ไม่ดีอย่างไร หรือปฏิเสธลูกด้วยคำพูดที่ดี และมีเหตุผลรองรับว่าทำไมถึงไม่ควรดู ถ้าดูแล้วจะทำให้เขาเติบโตไปเป็นคนแบบไหน ความรุนแรงส่งผลต่อสังคมเราอย่างไร การพูดคุยกับลูกด้วยเหตุผล บอกเล่าถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งต่อตัวเอง และสังคม จะช่วยให้ลูกเข้าใจและรับฟังมากขึ้นกว่าการแค่บอกว่าดูรายการนี้แล้วไม่ดีอย่างไรเพียงอย่างเดียว

ขอบคุณภาพจาก tirachardz

5.จำกัดเวลาใช้โซเชียลมีเดีย เนื่องจากทุกวันนี้ถ้าเลื่อนเฟซบุ๊ก ยูทูบ ทวิตเตอร์ดูจะเห็นว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนค่อนข้างเยอะ ดังนั้นคุณพ่อ คุณแม่ควรจำกัดเวลาการใช้โซเชียลมีเดียของลูกโดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ ให้เหมาะสม ไม่ควรปล่อยให้ลูกเล่นโซเชียลมีเดียทั้งวัน แต่ควรหากิจกรรมอื่น ๆ มาทำกับลูกบ้าง เช่น อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ เล่นของเล่น ทำอาหาร เพื่อที่ลูกจะได้ไม่จดจ่ออยู่กับโลกออนไลน์มากจนเกินไป

6.พ่อแม่ไม่ควรทะเลาะกัน หรือใช้ความรุนแรงให้ลูกเห็น พ่อแม่คือตัวอย่างของลูก ดังนั้นเมื่อคุณไม่อยากให้ลูกชินชากับความรุนแรง หรือใช้ความรุนแรงกับคนอื่น ผู้ปกครองก็ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกด้วยการไม่ใช่คำพูดรุนแรงเวลาทะเลาะกัน หรือทำร้ายร่างกายกันให้ลูกเห็น เพราะถ้าลูกเห็นบ่อย ๆ เขาจะคิดว่าทีพ่อแม่ยังทำได้ ทำไมเขาจะทำไม่ได้ จะกลายเป็นความชินชาจนลูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ อาจทำให้เขาไปใช้ความรุนแรงกับผู้อื่นได้นั่นเอง

7.สอนลูกให้รู้จักความรุนแรงหลายรูปแบบ ความรุนแรงไม่ได้มีแค่การทำร้ายร่างกายเท่านั้น เพราะฉะนั้นคุณพ่อ คุณแม่จึงควรสอนให้ลูกรู้จักกับความรุนแรงรูปแบบอื่น ๆ ด้วย เช่น ความรุนแรงด้านวาจา อย่างการด่าทอด้วยคำหยาบคาย คำดูถูกเหยียดหยาม การข่มขู่ ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกอับอาย และเจ็บช้ำน้ำใจได้ หรือความรุนแรงทางเพศ เช่น การข่มขืน การทำอนาจาร เป็นต้น เมื่อรู้แล้วว่ามีความรุนแรงรูปแบบไหนบ้าง เด็ก ๆ จะได้ไม่กดไลค์ กดแชร์โพสต์เหล่านั้นนั่นเอง 

พ่อแม่ควรใส่ใจการดูโทรทัศน์ หรือเล่นโซเชียลมีเดียของลูกอยู่เสมอ หากเห็นว่าเขาดูอะไรที่ไม่เหมาะสมควรจะชี้แจงว่าไม่ดีอย่างไร และที่สำคัญเลยคือพ่อแม่ก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกด้วย เพื่อที่เขาโตไปจะได้เป็นเด็กที่ไม่ชินชาต่อความรุนแรง เมตตาผู้อื่นอยู่เสมอ และคิดเสมอว่าทุกปัญหามีทางแก้โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง 

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://med.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/child/06182014-1805

https://mgronline.com/https://www.hoboctn.ru/2016/08/11/b-f-skinner/qol/detail/9600000010407

https://www.thaichildrights.org/articles/violence01/

https://ams.kku.ac.th/aalearn/resource/edoc/tech/3learntheory.pdf

มาร่วมเรียนรู้กับ Starfish Labz

แหล่งเรียนรู้และชุมชนออนไลน์เพื่อนักการศึกษาและผู้ปกครอง

ลงทะเบียน

Related Courses

การเลี้ยงลูกที่มีความต้องการพิเศษ
การรู้จักตนเอง การบริหารจัดการตนเอง
basic
2:00 ชั่วโมง

การส่งเสริมทักษะเด็กออทิสติก

เรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการด้านต่างๆของเด็กออทิสติก เพื่อให้เป็นตัวช่วยในการออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเด็กกลุ่มนี้

Starfish Academy
Starfish Academy
การส่งเสริมทักษะเด็กออทิสติก
Starfish Academy

การส่งเสริมทักษะเด็กออทิสติก

Starfish Academy
1427 ผู้เรียน
ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในโลก และสังคม
ด้านความร่วมมือการ ทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ
basic
2:00 ชั่วโมง

แนวทางลดการบูลลี่ในสถานศึกษา

การถูกรังแก ล้อเลียน ดูหมิ่น เหยียดหยามผู้อื่นส่งผลให้เกิดความเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวลทำให้ไม่อยากไปโรงเรียน ปัญหาเหล่านี้จ ...

Starfish Academy
Starfish Academy
แนวทางลดการบูลลี่ในสถานศึกษา
Starfish Academy

แนวทางลดการบูลลี่ในสถานศึกษา

Starfish Academy
การเลี้ยงลูกที่มีความต้องการพิเศษ
ด้านความสัมพันธ์ การรู้จักตนเอง การบริหารจัดการตนเอง การรู้จักสังคม
basic
2:00 ชั่วโมง

เรียนรู้และเข้าใจเด็กแอลดี

เด็ก LD คือ เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ การรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม อาจช่วยให้ผู้ป่วยพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ได้อย่างเต็ม ...

Starfish Academy
Starfish Academy
เรียนรู้และเข้าใจเด็กแอลดี
Starfish Academy

เรียนรู้และเข้าใจเด็กแอลดี

Starfish Academy
พัฒนาการเด็ก
การรู้จักตนเอง
basic
2:00 ชั่วโมง

พัฒนาการด้านอารมณ์สำคัญอย่างไรกับเด็กปฐมวัย

บทเรียนนี้ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ความสำคัญของพัฒนาการ สมรรถนะตามวัย กิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านอารมณ์ เน้นการทำกิจกรร ...

Starfish Academy
Starfish Academy
พัฒนาการด้านอารมณ์สำคัญอย่างไรกับเด็กปฐมวัย
Starfish Academy

พัฒนาการด้านอารมณ์สำคัญอย่างไรกับเด็กปฐมวัย

Starfish Academy
13341 ผู้เรียน

Related Videos

โต้ตอบอย่างไรดี (Still Face Experiment)
04:30
สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล

โต้ตอบอย่างไรดี (Still Face Experiment)

สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล
54 views • 3 ปีที่แล้ว
โต้ตอบอย่างไรดี (Still Face Experiment)
สอนลูกรู้จักรักและเคารพสิทธิของตนเอง
08:32
Starfish Academy

สอนลูกรู้จักรักและเคารพสิทธิของตนเอง

Starfish Academy
389 views • 3 ปีที่แล้ว
สอนลูกรู้จักรักและเคารพสิทธิของตนเอง
ตอนที่ 2 ก้าวแรก   เมื่อลูกเป็นเด็กพิเศษ
16:40
สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล

ตอนที่ 2 ก้าวแรก เมื่อลูกเป็นเด็กพิเศษ

สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล
617 views • 4 ปีที่แล้ว
ตอนที่ 2 ก้าวแรก เมื่อลูกเป็นเด็กพิเศษ
Starfish Trend Talk | EP.2 | : คำพูดกดทับที่ครูและผู้ปกครองไม่ควรใช้กับเด็ก
41:00
Starfish Academy

Starfish Trend Talk | EP.2 | : คำพูดกดทับที่ครูและผู้ปกครองไม่ควรใช้กับเด็ก

Starfish Academy
180 views • 2 ปีที่แล้ว
Starfish Trend Talk | EP.2 | : คำพูดกดทับที่ครูและผู้ปกครองไม่ควรใช้กับเด็ก