เทคโนโลยีทำให้ความก้าวหน้าเกิดขึ้นกับชีวิตมนุษย์ และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างหลากหลายรูปแบบ เช่นเดียวกับการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ก้าวกระโดด ทำให้เด็กๆ รุ่นใหม่จึงมีการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาและการเรียนรู้ใน Platform อื่นๆ มากขึ้นด้วย
ด้วยสภาพและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางการเรียนรู้ของเด็กยุคใหม่ ทั้งสภาพเศรษฐกิจและสังคมในยุคปัจจุบันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบทางการศึกษา และมีอาชีพใหม่เกิดขึ้น และอาชีพเก่าบางอาชีพก็จะลดคความสำคัญลงอีกด้วย
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีรูปแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับยุคที่เรียกได้ว่า ยุคข้อมูลข่าวสาร นั้นก็คือ รูปแบบที่สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ เช่น หลักสูตรออนไลน์ต่างๆ หรือช่องทางการเรียนรู้อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง วีดีทัศน์ สื่อสังคม เกม ซึ่งเด็กๆ ในยุคนี้จึงมีโอกาสที่จะเลือกรูปแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตนเองได้นั้นเอง
ซึ่งรูปแบบการเรียนรู้ที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จและใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศและต่างประเทศนั้นได้แก่
- หลักสูตรออนไลน์แบบเปิด Massive Open Online (MOOCs)
- สื่อวีดีทัศน์ (YouTube)
- เกมคอมพิวเตอร์ (Games)
- สื่อสังคม (Social Media)
- สื่อทางเสียง (Audiobooks and Podcasts)
ในแต่ละ Platform ก็ควรที่จะคำนึงถึงการเลือกสื่อที่เหมาะสมกับคามต้องการของบริบท รวมทั้งต้องเตรียมความพร้อมเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากสื่อการเรียนรู้อย่างเต็มที่ด้วย และนอกจากนี้การเรียนรู้แบบใหม่ของการศึกษาในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร และจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมหาศาลมากน้อยและส่งผลต่อชีวิตของเด็กๆ ขนาดไหน
วันนี้เราก็มี งานวิจัยของ HolonIQ แพลตฟอร์มข้อมูลเทรนด์และงานวิจัยทางการศึกษาระดับโลก ที่จะมาเผย 5 ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในโลกแห่งการศึกษายุค 2030 ซึ่งได้วิเคราะห์มาจากการใช้ Machine Learning ดึงข้อมูลจากแหล่งข่าวชั้นนำทั่วโลก ผนวกกับการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานที่ทำงานวิจัยการศึกษาอย่าง World Bank , OCED และ UNESCO มาดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีอะไรบ้าง
1. Education as Usual
ในอนาคตอาจจะมีสถาบันรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้น ที่เป็นสถาบันที่เน้นทักษะอาชีพโดยเฉพาะ โดยอาจจะเป็นรูปแบบของการร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ภาคเอกชน เพื่อสร้างหลักสูตรที่เน้นทักษะที่นำไปใช้ในการทำงานได้จริง ไม่เน้นทฤษฎี จบหลักสูตรก็สมัครงานในตำแหน่งนั้นๆ ได้เลย โดยการเรียนเช่นนี้จะไม่ได้จำกัดแค่นิสิต นักศึกษา แต่คนทั่วไปก็สามารถเรียนได้หรือคนที่อยากจะเปลี่ยนสายงานตัวเองก็สามารถเรียนได้เช่นกันค่ะ นอกจากนี้อาจจะมีเทนด์การจ้างงานข้ามประเทศกันมากขึ้นในรูปแบบการทำงานออนไลน์อีกด้วย
2. Regional Rising
รูปแบบนี้เป็นการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติโตในรูปแบบกลุ่ประเทศ มีการร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่งในภูมิภาคต่างๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในกรณีนี้ คือ สถาบันการศึกษาในภูมิภาคร่วมมือกันปรับหลักสูตร แบ่งปันข้อมูลกัน และร่วมกันพัฒนามาตรฐานการอบรมครูให้เป็นสากลจนสามารถทำโปรแกรม Exchange คุณครู โดยให้คุณครู 1 คน สามารถสอนได้ในหลายประเทศหมุนเวียนกันไป นอกจากนี้ก็ยังมีการ Exchange นักเรียนและคนทำงานเพิ่มมากขึ้นด้วยระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและป้องกันภาวะสมองไหล ส่วนในการเรียนรู้ในโรงเรียนและมหาลัยยังคงเป็นโครงสร้างเดิม แต่เพิ่มรูปแบบ Blended Learning ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เป็นการเรียนออนไลน์แต่เรียนในห้องเรียน ผู้สอนเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษระดับภูมิภาค สอนออไลน์แล้วให้เด็กๆ หลายประเทศเข้ามาเรียนพร้อมกัน โดยมีคุณครูในแต่ละห้องช่วยดูแลด้วย
3. Global Giants
ในรูปแบบนี้ เทคโนโลยีและความร่วมมือระหว่างภูมิภาคจะเชื่อมต่อโลกทั้งใบเข้าด้วยกัน เทคโนโลยีการศึกษามีความสำคัญมากในการเจาะตลาดโลก มีการคาดการณ์ว่าตลาดการศึกษาจะมีขนาด 10 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐภายในปี 2030 ตลาดที่จะเติบโตมากที่สุดคือในทวีปเอเชีย แอฟริกา และลาตินอเมริกา ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีประชากรจำนวนมาก และล้วนใช้ smartphone เป็นหลัก ผู้เล่นรายใหญ่จะเริ่มทยอยซื้อกิจการ EdTech รายย่อยจนในที่สุดผู้เล่นรายใหญ่จะสามารถให้บริการที่ครอบคลุมทุกส่วนของการเรียนรู้เชื่อมโยงกัน ทั้งคอร์สเรียน แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลการเรียน การวัดผล การสื่อสาร และการรายงานผลการเรียน และมีการร่วมมือกันระหว่างผู้เล่นรายใหญ่กับบริษัทชั้นนำ เพื่อสร้าง solution การเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ทักษะการทำงาน บางมหาวิทยาลัยอาจได้รับผลกระทบอย่างหนัก อาจต้องหาทางร่วมมือกันเป็นกลุ่มใหญ่ แต่กลุ่มมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ปรับตัวทันก็จะได้เปรียบมาก
หากเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แล้วยิ่งเป็น solution คุณภาพระดับโลก การพัฒนาการเรียนการสอนก็จะเป็นแบบ data-driven และ personalized มากขึ้นเพราะมีจุดข้อมูลที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น ข้อมูลการเรียนแบบ real-time ส่งให้พ่อแม่และคุณครู ทำให้ช่วยสอนได้ถูกจุดด้วยนั่นเอง
4. Peer to Peer
รูปแบบนี้จะเป็นไปได้ถ้าหากว่ามีการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน 1 ต่อ 1 ระหว่างบุคคล peer-to-peer ได้รับการยอมรับแบบกว้างขวางภายในปี 2030 ซึ่งก็เป็นไปได้ เพราะว่าเทคโนโลยีได้เชื่อมต่อผู้คนเข้าด้วยกันแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะมีราคาถูกลง ทำให้เข้าถึงได้กว้างขึ้นไปอีก รูปแบบนี้เหมาะกับการเรียนรู้ทักษะการทำงานของผู้ใหญ่มาก จะมีการรับรองคุณภาพด้วย rating ของผู้สอนซึ่งถูกโหวตในระบบเปิดและการออกใบรับรองแบบใหม่ ๆ เป็นการกระจายการเรียนรู้แบบกว้างขึ้นไปอีกเพราะผู้สอนเป็นใครก็ได้ที่มีทักษะและประสบการณ์ในสายอาชีพนั้น ไม่จำเป็นต้องมาจากสถาบันแบบดั้งเดิม การเรียนการสอนจะถูกโยกจากระดับสถาบันมาเป็นระดับบุคคล
การใช้ smartphone ผสานกับบทเรียนขนาดสั้น micro-learning จะทำให้การเรียนรู้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้เรียนเองก็มีทางเลือกใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนเก็บสะสมไปเป็น module ย่อยจากหลาย ๆ ผู้สอนได้
5. Robo Revotion
รูปแบบนี้ถ้าหาก AI มีการพัฒนาไปก้าวไกลและได้นำมาใช้ทดแทนตำแหน่งงานบางส่วนแล้ว ผู้คนไม่ต้องทำงานซ้ำซากจำเจที่หุ่นยนต์สามารถทำได้ เปลี่ยนมาเน้นทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ในการศึกษาเช่นนี้ AI จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากเช่นกัน แต่แบบที่ได้ผลดีที่สุดยังคงต้องเป็นการผสมผสานระหว่างระบบอัตโนมัติกับความใส่ใจของคุณครู เพราะการเรียนรู้ของคน ไม่ใช่การเขียนโค้ดระบบสั่งการเหมือนหุ่นยนต์ คาดการณ์ว่าการเรียนรู้จะเป็นแบบ personalized ปรับให้เหมาะกับนักเรียนแต่ละคนมากที่สุดโดยเรียนผ่านระบบ ทุกคนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพเท่าเทียมกัน นักเรียนแต่ละคนจะได้เรียนบทเรียนที่ต่างกันตามระดับความรู้ความเข้าใจแต่ละคน ครูอาจต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้สอน มาเป็นผู้ดูแลให้คำแนะนำ ทำให้ครูมีเวลาและมีข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้คุณครูสามารถให้กำลังใจนักเรียน ส่งเสริมการเรียนรู้ สอนเพิ่มเติมในจุดที่ต้องการความช่วยเหลือ ดูแลเอาใจใส่นักเรียนแต่ละคนที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน
สำหรับระดับประถมและมัธยม AI อาจมาในรูปแบบผู้ช่วยคุณครูอัจริยะ ช่วยลดงานเอกสารของคุณครู เช่น การเตรียมการสอน การเช็คชื่อ การวัดผลการเรียน มีระบบอัจริยะคอยอัพเดทสถานะและแจ้งเตือนคุณครูหากมีเด็กคนไหนน่าเป็นห่วง ทำให้คุณครูมีเวลามากขึ้นในการทำกิจกรรมกับเด็ก ๆ และให้ความใส่ใจแบบใกล้ชิดได้มากขึ้นนั้นเอง
แหล่งอ้างอิง : www.okmd.or.th/okmd-opportunity/FutureLearningPlatform/899/Digilearn_infographic
Related Courses
Robot มีผลกระทบต่อมนุษย์อย่างไร
ในปัจจุบันรวมไปถึงในอนาคตหุ่นยนต์จะก้าวเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวันของมนุษย์อย่างแน่นอน เราสามารถที่จะนำวิทยาการหุ่ ...
เครื่องมือเพื่อช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมในชั้นเรียน
การเรียนการสอนในปัจจุบันจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ ทำให้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนเปลี่ยนไป จะมีแอปพลิเคชั ...
เครื่องมือเพื่อช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมในชั้นเรียน
Google Docs เพื่อนคู่คิดในการทำงานอย่างมืออาชีพ
Google Docs เพื่อนคู่คิด สอนการสร้าง แก้ไข และทำงานร่วมกันอย่างมืออาชีพ ใช้ง่าย คล่องตัว ผลงานโดดเด่น พร้อมใช้จริง
Google Docs เพื่อนคู่คิดในการทำงานอย่างมืออาชีพ
AI เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันอย่างไร
เมื่อเราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยี และ ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเรา ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องศึกษา เพื่อนำ AI หรือปัญ ...
AI เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันอย่างไร
Related Videos
จากภาวะการเรียนถดถอยสู่การสร้างสรรค์ (Learning Box)
พื้นที่แห่งการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ 21
น้องยินดี: เด็กอัจฉริยะ คิดค้นการใช้มอส กำจัด PM2.5