Lockdown Lesson ทักษะการทำงาน เรียนรู้ได้ที่บ้านช่วง Lockdown

พ่อแม่ผู้ปกครอง อาจคิดว่าในช่วงที่โรงเรียนปิดเพราะพิษโควิด-19 เด็กๆ อาจสูญเสียโอกาสในการเรียนรู้ แต่ในทางกลับกัน หากลองวางแผนดีๆ นี่อาจเป็นโอกาสที่เด็กๆ จะได้เรียนรู้ทักษะอื่นๆ ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตในอนาคต โดยมีพ่อแม่เป็นผู้สอนหรือให้คำแนะนำ ลองมาดูกันค่ะว่า ในช่วงที่หลายคนต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน เราจะสอนทักษะการทำงานอะไรให้กับเด็กๆ ได้บ้าง

Lockdown Lesson #1 บริหารเวลา

Social Distancing ทำให้หลายคนมีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ต้องการฝึกให้เด็กๆ รู้จักบริหารเวลา นี่อาจเป็นโอกาสทอง เพราะช่วงนี้ทุกคนไม่เพียงมีเวลาเพิ่มขึ้น แต่รูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้เด็กๆ มีโอกาสคิดวางแผนการใช้เวลาในชีวิตของตนเองให้เหมาะสม ทั้งเรื่องเรียน เรื่องส่วนตัว และหน้าที่ภายในบ้าน พ่อแม่ควรลองปล่อยให้ลูกบริหารเวลาด้วยตัวเอง โดยอาจเริ่มจากให้ลูกเขียนกิจวัตรประจำวัน ในช่วง Lockdown และลองใช้ชีวิตตามกิจวัตรนั้น สัก 1-2 วัน เพื่อทดสอบดูว่า สิ่งที่เขียนไว้ เป็นไปตามแผนหรือไม่ มีปัญหาอะไรบ้าง สาเหตุ และวิธีแก้ปัญหาคืออะไร พ่อแม่อาจคอยดูอยู่ห่างๆ และให้คำแนะนำเมื่อลูกต้องการ

อย่างไรก็ตาม เด็กๆ อาจบริหารจัดการเวลาได้ไม่ดีเท่าที่ควร หากขาดความเข้าใจเรื่อง การจัดลำดับความสำคัญ ดังนั้น ลูกควรเรียนรู้ว่าภายในระยะเวลาที่จำกัด มีสิ่งใดที่สำคัญและสมควรทำให้สำเร็จก่อน เช่น ระหว่าง 8.00 - 12.00 น.สิ่งสำคัญคือ การล็อกอินเข้าเรียนออนไลน์ หากมีงานบ้านที่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จช่วงเช้า ลูกก็ควรต้องทำก่อน 8.00 น. หรือหากไม่ทันจริงๆ ต้องรู้จักสื่อสาร ขอเลื่อนงานบ้านที่รับผิดชอบไปช่วงบ่าย เป็นต้น 

ทักษะการบริหารเวลา เป็นทักษะอาชีพที่สำคัญเพราะช่วยให้เราทำงานต่างๆ ได้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสการเกิดข้อผิดพลาดในการทำงาน ลดปัญหาการทำงานซ้ำซ้อน ช่วยให้เป็นมืออาชีพในสายงานได้

Lockdown Lesson #2 บริหารการเงิน

ไม่มีคำว่าเร็วเกินไปที่จะสอนให้เด็กๆ ฝึกรับผิดชอบเรื่องการเงินค่ะ ถึงแม้เด็กๆ ส่วนใหญ่อาจได้ค่าขนมจากพ่อแม่โดยตรง แต่พ่อแม่ก็อาจใช้โอกาสที่ลูกอยู่บ้านมากขึ้น ลองมอบหน้าที่ให้ลูกเป็นผู้บริหารรายรับ-รายจ่ายภายในบ้าน โดยอาจเริ่มจากให้เงินลูกไว้จำนวนหนึ่ง เป็นค่าอาหารสำหรับทุกคนในบ้านภายใน 1 สัปดาห์ เมื่อคุณแม่ต้องไปตลาดก็มาเบิกเงินกับลูก โดยลูกต้องทำบัญชีไว้ หรืออาจพาเด็กๆ ไปตลาดด้วยกัน เพื่อให้ลูกเรียนรู้ว่าเงินจำนวนนี้ซื้อะไรได้บ้าง พอถึงกลางสัปดาห์ ลองให้เด็กๆ ประเมินว่ามีเงิน และอาหารเหลืออีกเท่าไร เพียงพอจนหมดสัปดาห์หรือไม่ หากไม่พอควรทำอย่างไร วิธีนี้ไม่เพียงฝึกให้ลูกได้วางแผนการใช้เงิน รับผิดชอบต่อครอบครัว แต่ยังทำให้เด็กๆ ได้เห็นว่า ค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารในครอบครัวของเราเป็นอย่างไร เด็กๆ อาจตกใจที่รายจ่ายในครอบครัวสูงอย่างที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งจะช่วยสร้างความตระหนักในเรื่องการใช้เงินให้กับเด็กๆ ได้มากขึ้น

นอกจากนี้ อาจให้ลูกๆ ช่วยจดบันทึกวันครบกำหนดการชำระหนี้ และยอดชำระขั้นต่ำ ในแต่ละเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ โดยให้ลูกมีหน้าที่แจ้งเตือนพ่อแม่เมื่อใกล้ถึงวันครบกำหนดชำระพร้อมยอดที่ต้องจ่าย พ่อแม่บางรายอาจคิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องของเด็กๆ แต่ในความจริงแล้ว นี่คือที่ลูกต้องเผชิญเมื่อเข้าสู่วัยทำงาน การได้มีประสบการณ์ และเข้าใจว่ารายจ่ายในชีวิตจริงๆ นั้นมีอะไรบ้าง จะทำให้ลูกได้เตรียมตัวล่วงหน้าและวางแผนชีวิตตนเองได้ดีขึ้น

Lockdown Lesson#3 ฝึกฝนความสามารถพิเศษ หรือหางานอดิเรกใหม่ๆ

เด็กๆ บางคนอาจมีทักษะด้านอื่นๆ เช่น เล่นดนตรี วาดภาพ ทำงานประดิษฐ์ Esports ในช่วง Lockdown อาจใช้เวลาว่างที่มี มาฝึกฝนทักษะที่มีอยู่ให้พัฒนาเพิ่มขึ้นไปอีก หรือต่อยอดด้วยการหารายได้จากความสามารถของตนเอง เช่น สอนดนตรีออนไลน์ ทำสินค้าแฮนเมดจำหน่าย ซึ่งไม่เพียงช่วยพัฒนาฝีมือตนเองเท่านั้น แต่ยังเรียนรู้วิธีบริหารจัดการธุรกิจเล็กๆ ไม่ว่าจะออนไลน์ หรือออฟไลน์อีกด้วย 

หรือใครที่ยังไม่เจอว่าตนเองชอบอะไร ก็อาจใช้ช่วงเวลานี้ค้นหางานอดิเรกใหม่ๆ ลองทำสิ่งที่เคยอยากทำแต่ไม่มีเวลา อาจจะพบว่าตนเองมีความสามารถมากกว่าที่คิด และพัฒนาจนกลายเป็นความสามารถพิเศษได้ ซึ่งการมีงานอดิเรก หรือทักษะพิเศษด้านต่างๆ ไม่เพียงช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจและภาคภูมิใจในตัวเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานด้วย

Lockdown Lesson#4 ทักษะการใช้เครื่องมือต่างๆ

ถึงแม้โลกจะเข้าสู่ยุคดิจิทัล แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายสิ่งยังจำเป็นต้องทำด้วยมือ ไม่ว่าจะเป็น การทำอาหาร การใช้มีด การเย็บผ้า ซักผ้า เปลี่ยนหลอดไฟ ฯลฯ เมื่อเด็กๆ อยู่บ้านมากขึ้น ก็น่าจะมีโอกาสได้ทดลองใช้เครื่องมือพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น ลองให้ลูกนำผ้าลงเครื่องซักผ้าด้วยตนเอง ทำอาหารเช้าอย่างง่ายๆ เอง เรียนรู้วิธีการเย็บเสื้อผ้าที่ขาด หรือกระดุมที่หลุดจากเสื้อตัวโปรด สิ่งเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ก็เป็นทักษะชีวิตที่จำเป็น และเด็กๆ สามารถนำพื้นฐานจากทักษะเหล่านี้ไปต่อยอดเป็นทักษะอาชีพได้ 

ในทางกลับกัน เด็กๆ ที่ไม่เคยได้สัมผัสเครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ ภายในบ้านเลย จะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขามีความสามารถอะไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร เด็กๆ อาจไม่เคยรู้ว่าตนเองชอบทำอาหารจนได้ลงมือทำ อาจไม่เคยรู้ว่าตนเองสนใจวงจรของหลอดไฟ จนค้นคว้า และเขียนแผงวงจรเองได้ การเปิดโอกาสให้ลูกได้มีประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิตมากเท่าที่จะทำได้ ถือเป็นการช่วยให้ลูกค้นพบความสามารถทางอาชีพได้เร็วยิ่งขึ้น