พร้อมแค่ไหนกับการเรียนออนไลน์ของลูก

เมื่อสถานการณ์พลิกผันแบบไม่ทันตั้งรับจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าในขณะนี้ เด็กๆ ได้รับผลกระทบอย่างจัง โรงเรียนปิด ออกจากบ้านไปไหนไม่ได้ กิจกรรมที่ควรมีในช่วงปิดเทอม แคมป์ต่างๆ ออกไปเที่ยวต่างจังหวัด ต่างประเทศถูกงดหมด แม้กระทั่ง ไปวิ่งเล่นในสวนสาธารณะยังทำไม่ได้ และสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีทีท่าจะจบในระยะใกล้นี้ การเรียนแบบออนไลน์ เข้ามามีบทบาทแบบที่ทุกคนไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน เมื่อเทรนด์การศึกษามาทางนี้แล้ว มาดูกันค่ะ ว่าพ่อแม่อย่างเราควรเตรียมตัวตั้งรับอย่างไร เมื่อลูกต้องเรียนออนไลน์ หรือการศึกษาแบบ Remote Learning
การเรียนออนไลน์ หมายถึง การเรียนการสอนในวิชาต่างๆ ที่โรงเรียนกำหนดในรูปแบบเดิมเปลี่ยนมาใช้รูปแบบใหม่โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยและตัวเชื่อมให้เด็กๆ และคุณครู ยังสามารถพบ
เจอกันได้ในชั้นเรียน แม้ยังไม่สามารถเข้าไปเจอกันเพื่อเรียนในชั้นเรียนปกติได้ และยังหมายรวมถึง การเรียนทางไกล การเรียนผ่านเว็บไซต์ต่างๆ อีกด้วย
เมื่อแนวทางปฎิบัติในขณะนี้ โรงเรียนเลื่อนเปิดเทอม เด็กๆ ต้องงดออกจากบ้านยาวหลายเดือน แน่นอนว่า คุณพ่อคุณแม่คงเครียดและกังวลในการจัดการดูแลลูกในช่วงนี้มากๆ ไหนจะทำงานที่อาจต้อง WFH ไหนจะงานบ้าน ไหนจะต้องคิดหากิจกรรมต่างๆ ให้ลูกทำ และ ยังต้องศึกษาในเรื่องการเรียนออนไลน์ของลูกที่แต่ละโรงเรียนเริ่มมีมาตรการออกมาในตอนนี้ แต่คุณพ่อคุณแม่และเด็กๆ จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ยังไง มาดูแนวทางกันค่า
1.ตื่นตัว และ เตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงเสมอ
ในตอนนี้ทุกโรงเรียนเริ่มส่งแนวทางและมาตรการต่างๆมาแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสนใจว่าทางโรงเรียนมีแนวทางปฎิบัติอย่างไร ลูกต้องเตรียมตัวอย่างไร อุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นต้องใช้มีอะไรบ้าง และที่สำคัญที่สุดคือ ตัวคุณพ่อคุณแม่เองที่ต้องเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ต้องศึกษารูปแบบและวิธีการในการเรียนการสอน การเตรียมสื่อต่างๆ ให้พร้อม เพราะจากนี้ไป พ่อ แม่ คือ ครูของลูก อย่างแท้จริง
2. พูดคุย ทำความเข้าใจกับลูกๆ เตรียมความพร้อมก่อนเริ่มเรียนออนไลน์
เด็กโตในช่วงประถมขึ้นไป อาจจะไม่เป็นปัญหามากนักในการสื่อสาร ทำความเข้าใจในสถานการณ์และอธิบายถึงการเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนรูปแบบไป ใช้เครื่องมือเทคโนโลยีมากขึ้น เด็กที่โตแล้ว จะมีความพร้อมในการบริหารการเปลี่ยนแปลงได้ในระดับหนึ่ง และจะรับรู้ได้ดียิ่งขึ้นไปตามช่วงวัย แต่เด็กเล็กๆ ในระดับอนุบาลอาจจะต้องพูดคุย อธิบาย และลองปฎิบัติให้เด็กๆ เห็นภาพ และทำความเข้าใจแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่คาดหวัง ซึ่งในน้องๆเด็กเล็ก คุณพ่อคุณแม่จะมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากต่อการปรับตัวนี้ ดังนั้นต้องทำอย่างใจเย็น ไม่รีบร้อน ใช้เวลากับลูก เด็กๆจะค่อยๆปรับตัวได้เองนะคะ
3. ทำงานควบคู่ไปกับทางโรงเรียนแบบคู่ขนาน
ในเรื่องการเรียนออนไลน์ที่ต้องนำมาใช้ในขณะนี้เป็นเรื่องใหม่มากสำหรับการศึกษาในบ้านเรา ในต่างประเทศอาจจะการศึกษาแนวนี้มาบ้างแล้ว จึงอาจปรับตัวได้ไม่ยากนัก แต่สำหรับเด็กไทย ซึ่งคงมีเพียงเด็กบางกลุ่มเท่านั้นที่อาจเคยเข้าถึงการศึกษาออนไลน์ ซึ่งทำให้มองในภาพรวม เด็กๆส่วนใหญ่ไม่เคยเรียนออนไลน์มาก่อน การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนการสอนแบบกระทันหันเช่นนี้ ทางโรงเรียนแต่ละโรงเรียนก็ต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อออกแบบหลักสูตรที่เคยสอนกันโดยปกติในห้องเรียน ให้มาเรียนแบบออนไลน์แทน คุณพ่อคุณแม่ต้องร่วมมือกับทางโรงเรียนทำงานด้วยกันแบบคู่ขนาน ใกล้ชิด และสื่อสารความคิดเห็นหรือความต้องการที่แท้จริงของตนเอง รวมถึงปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น หรือคาดว่าอาจจะเกิดขึ้นแก่ทางโรงเรียนด้วย เพื่อเป็นการร่วมกันออกแบบ และเดินทางร่วมกันไปแบบแนวทางเดียวกัน
4. เตรียมอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารให้พร้อม
แน่นอนว่าการเรียนออนไลน์ เราต้องมีเครื่องมือมาใช้ในการเรียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น อุปกรณ์ต้องพร้อม ทั้งคอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ด หูฟัง ไมค์ อินเตอร์เน็ท โปรแกรมต่างๆ สำหรับการเรียนในชั้นเรียน สถานที่เรียนภายในบ้าน ต้องจัดไว้ให้เหมาะสมกับที่ลูกจะนั่งเรียน ซึ่งจะเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่ทุกๆบ้านจะมีความพร้อมทั้งในอุปกรณ์และสถานที่ แต่ก็เป็นภาคบังคับว่าต้องจัดหาและต้องมีสิ่งที่จำเป็นต่องใช้ในการเรียนแบบ รีโมท เลิร์นนิ่ง แบบนี้ ดังนั้น
หากบ้านไหนติดขัดในเรื่องใด ต้องประสานกับทางโรงเรียนเพื่อหาทางออกร่วมกันนะคะ
5. ทำอารมณ์ให้แจ่มใส ทำร่างกายให้แข็งแรง
ในช่วงนี้อยู่แต่บ้านมาแรมเดือน คงทั้งเบื่อ ทั้งเหนื่อย และไม่ชินกับรูปแบบชีวิตแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจไม่เคยใช้เวลากับลูกมากขนาดนี้มาก่อนในช่วงที่ผ่านมา อาจไม่เคยรู้ว่า การดูแลลูกมันเหนื่อยขนาดนี้เลยหรือช่วงนี้ก็ได้มารับรู้รสชาติ และ ใช้เวลาร่วมกันอย่างแท้จริง พ่อแม่ควรทำอารมณ์ให้แจ่มใสอยู่เสมอ ไม่ควรฉุนเฉียวหรืออารมณ์เสียให้ลูกเห็นบ่อยๆ เพราะการที่ลูกเห็นเราตลอด 24 ชม. มาเป็นเวลานานๆติดต่อกัน ลูกจะสังเกตุจดจำพฤติกรรมเรา และเข้าใจว่าจริงๆแล้วพ่อแม่เป็นคนแบบไหน ทั้งๆที่ บางทีอารมณ์ฉุนเฉียวต่างๆในช่วงนี้ อาจเกิดจากความตึงเครียดและความวุ่นวายที่ต้องรับมือกับศึกทุกด้าน
ทางที่ดี ต้องพูดคุย อธิบาย ทำความเข้าใจกับลูกๆ เพื่อให้เข้าใจในตัวคุณพ่อคุณแม่ จะเป็นทางที่ดีมากๆเลยค่ะ
ไม่ว่าสถานการณ์จะพลิกผัน จนเราต้องปรับตัวเพื่อตามให้ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้นแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ตั้งสติ ศึกษา และพร้อมที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างดีแล้วล่ะก็ ไม่ว่าอะไรจะมา เราก็จะต้องรอดแน่นอนค่ะ
บทความใกล้เคียง
การเรียนแบบออนไลน์ในปัจจุบันที่เราควรรู้

เรียกได้ว่าช่วงโควิด-19 นี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งการใช้ชีวิต การทำงาน รวมถึงการเรียนการสอนด้วย ซึ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปแบบบางคนก็เรียกได้ว่าไม่ทันได้ตั้งตัวกันเลยทีเดียว แต่ที่น่าสนใจก็คือ การศึกษา ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการปฏิรูปเลยก็ว่าได้ ...
พาลูกเที่ยวแบบออนไลน์ผ่าน 5 Virtual Tour

ช่วงที่ยังไม่แน่นอนว่าโควิด-19 จะโบกมือลาเราเมื่อไหร่ ผู้ปกครองหลายท่านอาจจะยังไม่อุ่นใจกับการพาลูกออกไปเที่ยวนอกบ้าน วันนี้เราเลยมีอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยากพาลูกเที่ยวแบบได้ความรู้ โดยไม่ต้องเดินทางออกไปไหน นั่นก็คือ การทัวร์เสมือนจ ...
ชวนพ่อแม่มารู้จัก "นักแคสเกม" อาชีพใหม่โดนใจวัยรุ่น

ในยุคปัจจุบันการทำอาชีพไม่ได้ มีแค่อาชีพที่เราคุ้นเคยอีกต่อไป เมื่อเด็กๆถูกถามว่า “โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร?” อาจไม่ได้มีแค่ ครู หมอ พยาบาล นักบิน หรือวิศวกรอีกต่อไป เพราะเราเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่ปฎิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยี เป็นสิ่งสำคัญในชีวิต จึงมีอาชีพใหม่ๆเกิดขึ้นม ...