ผลสอบ PISA 2022 คะแนนร่วงเกือบทั้งโลกไทยหนักคะแนนต่ำสุดในรอบ 20 ปี
เปิดผล PISA 2022 หลังฝ่าวิกฤตโควิด 19 ระบบการศึกษาทั่วโลกคะแนนเฉลี่ยลด สสวท. ชี้เร่งพัฒนาสมรรถนะครูจัดการเรียนรู้สร้างทักษะที่จำเป็นตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาเผยหากผล PISA ปี 2025 ไม่ดีขึ้นพร้อมทบทวนตัวเอง
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการแถลงข่าวผลประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล หรือ PISA (Programme for International Student Assessment) ปี 2022 โดยนายสุรศักดิ์ กล่าวว่า การประเมินดังกล่าวเป็นการดำเนินการโดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD (Organisation for Economic Co-operation and Development) เพื่อประเมินคุณภาพของระบบการศึกษาในการเตรียมความพร้อมให้เยาวชนมีศักยภาพหรือความสามารถพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นประเมินนักเรียนอายุ 15 ปี โดยได้ทำการประเมินทุก 3 ปีใน 3 ด้าน ได้แก่ การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ การประเมินนักเรียนจะวัดทั้ง 3 ด้านดังกล่าวไปพร้อมกันแต่จะเน้นหนักที่ด้านใดด้านหนึ่งในแต่ละรอบการประเมิน
รมช.ศธ.กล่าวอีกว่าในปี 2022 มีนักเรียนเข้าร่วมการประเมินประมาณ 690,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของนักเรียนอายุ 15 ปี ประมาณ 29 ล้านคน จาก 81 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ สำหรับในประเทศไทย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ทำหน้าที่เป็นศูนย์แห่งชาติ (National Center) ได้ดำเนินการจัดสอบเมื่อเดือนส.ค.2565 มีนักเรียนกลุ่มตัวอย่างเข้าร่วมการประเมินจาก 279 โรงเรียน ในทุกสังกัดการศึกษา รวม 8,495 คน
จาก 81 ประเทศ พบว่ามีเพียง 18 ประเทศ/เขตพื้นที่เท่านั้นที่มีคะแนนทั้ง 3 ด้านสูงเกินมาตรฐานขณะที่ประเทศไทยนั้นคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทุกทักษะรวมถึงคะแนนยังต่ำที่สุดในรอบ 20 ปีด้วย
- โดยวิชาคณิตศาสตร์ อันดับที่ 1 คือ สิงคโปร์ ได้คะแนนสูงถึง 575 คะแนน ตามด้วยมาเก๊า (552 คะแนน) ไต้หวัน (547 คะแนน) ฮ่องกง (540 คะแนน) และญี่ปุ่น (536 คะแนน) ส่วนประเทศไทย ได้ 394 คะแนน ลดลงจากการสอบครั้งก่อน 25 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 58
- ส่วนวิชาการอ่าน อันดับที่ 1 ยังคงเป็น สิงคโปร์ (543 คะแนน) รองลงมาคือ ไอร์แลนด์ (516 คะแนน) ญี่ปุ่น (516 คะแนน) เกาหลีใต้ (515 คะแนน) และไต้หวัน (515 คะแนน) ในวิชานี้ ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 64 เท่านั้น ด้วยคะแนน 379 คะแนน ลดลง 14 คะแนน
- และวิชาวิทยาศาสตร์ อันดับที่ 1 ยังหนีไม่พ้น สิงคโปร์ (561 คะแนน) ตามมาด้วย ญี่ปุ่น (547 คะแนน) มาเก๊า (543 คะแนน) ไต้หวัน (537 คะแนน) และเกาหลีใต้ (528 คะแนน) ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 58 ได้ 409 คะแนน ลดลง 17 คะแนน
ในทั้ง 3 วิชา พบว่าประเทศไทยเป็นรอง สิงคโปร์ เวียดนาม บรูไนและมาเลเซียทั้งหมดนอกจากนี้เมื่อย้อนดูคะแนนของประเทศไทยก่อนหน้านี้ ก็พบว่านี่เป็นคะแนนที่ตกต่ำที่สุดในรอบ 20 ปีของประเทศไทยโดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งเดิมทีไทยอยู่ในระดับสูงกว่า 400 คะแนนมาตลอดก็เป็นครั้งแรกที่ตกลงมาอยู่ในหลัก 300
นายสุรศักดิ์ กล่าวค่อไปว่าส่วนผลการประเมินของประเทศไทย พบว่า นักเรียนไทยมีคะแนนเฉลี่ยด้านคณิตศาสตร์ 394 คะแนน ด้านวิทยาศาสตร์ 409 คะแนน และด้านการอ่าน 379 คะแนน ซึ่งเมื่อเทียบกับ PISA 2018 พบว่า คะแนนเฉลี่ยของประเทศไทยทั้งสามด้านลดลงโดยด้านคณิตศาสตร์มีคะแนนเฉลี่ยลดลง 25 คะแนน ส่วนด้านวิทยาศาสตร์และการอ่าน มีคะแนนเฉลี่ยลดลง 17 คะแนน และ 14 คะแนน ตามลำดับ ทั้งนี้ ผลการประเมินของประเทศไทยตั้งแต่ PISA 2000 จนถึง PISA 2022 พบว่าคะแนนเฉลี่ยด้านคณิตศาสตร์และการอ่านมีแนวโน้มลดลง ส่วนด้านวิทยาศาสตร์ถือว่าไม่เปลี่ยนแปลงทางสถิติ ทั้งนี้เมื่อวิเคราะห์ตามสังกัดการศึกษาและกลุ่มโรงเรียนที่เข้าร่วมการประเมินครั้งนี้ พบว่ากลุ่มโรงเรียนที่เน้นการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มีคะแนนเฉลี่ยทั้งสามด้านอยู่ในระดับเดียวกับกลุ่มประเทศ/เขตเศรษฐกิจที่มีคะแนนคณิตศาสตร์สูงสุดห้าอันดับแรกส่วนกลุ่มโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยมีคะแนนเฉลี่ยด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศสมาชิก OECD สำหรับกลุ่มโรงเรียนอื่น ๆ ยังคงมีคะแนนเฉลี่ยทั้งสามด้านต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศสมาชิก OECD
เมื่อเทียบผลคะแนน เด็กไทยคะแนนทักษะทั้ง 3 ด้าน ลดลงต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี
- คณิตศาสตร์ : คะแนนลดลง 6% อันดับ 58 จาก 81 ประเทศ
- การอ่าน : คะแนนลดลง 4% อันดับ 64 จาก 81 ประเทศ
- วิทยาศาสตร์ : คะแนนลดลง 4% อันดับ 58 จาก 81 ประเทศ
แม้ว่าเด็กไทยเรียนหนักเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่ขาดทักษะปัญหาของการศึกษาไทยไม่ใช่เด็กไทยไม่ "ขยัน" แต่เป็นเพราะระบบการศึกษา ถึงเวลาจัดทำหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่มาแทนที่หลักสูตรปัจจุบันที่ไม่ได้ปรับปรุงขนานใหญ่มาหลายปี ต้องปรับวิธีการสอน อย่างภาษาอังกฤษ ต้องเน้นการสื่อสาร ประวัติศาสตร์ต้องเน้นวิเคราะห์ ถกเถียง แลกเปลี่ยน ถึงเวลาต้องปรับวิธีสอน ลดการบ้าน ลดชั่วโมงเรียน ให้นักเรียนมีเวลาได้เรียนรู้นอกห้องเรียน ลดความเครียด ลดวิชาบังคับเพิ่มวิชาเลือกตามความถนัดความชอบ
“สำหรับระบบการศึกษาไทยยังมีช่องว่างของคะแนนระหว่างนักเรียนกลุ่มสูงกับนักเรียนกลุ่มต่ำที่กว้างมากแม้ในด้านคณิตศาสตร์จะมีช่องว่างดังกล่าวที่แคบลงแต่เป็นผลมาจากนักเรียนกลุ่มสูงมีการลดลงของคะแนนที่มากกว่านักเรียนกลุ่มต่ำ ซึ่งเรื่องนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็ได้แสดงความเป็นห่วงและกำชับให้ ศธ.เร่งยกระดับในเรื่องดังกล่าวโดยล่าสุด ศธ.ได้ตั้งคณะทำงานจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวิเคราะห์ถึงปัญหาและกำหนดมาตรการในการแก้ไขจุดบกพร่องในเรื่องดังกล่าวแล้วโดยจะต้องมีมาตรการในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ในด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน ทั้งการพัฒนาครูให้มีสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างให้นักเรียนมีทักษะที่จำเป็นในการนำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริงส่งเสริมและสนับสนุนทรัพยากรและสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพให้กับสถานศึกษาอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมเพื่อลดช่องว่างของความเหลื่อมล้ำในการจัดการเรียนรู้รวมทั้งพัฒนาสถานศึกษาทั่วประเทศให้มีคุณภาพและครอบคลุมทุกสังกัด
ด้าน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่าซึ่งจากผลการประเมินก็แสดงให้เห็นแล้วว่าประเทศไทยมีผลคะแนนที่ต่ำลงโดยเราคงปฎิเสธไม่ได้และต้องยอมรับผลคะแนนดังกล่าวตามความเป็นจริงแต่หากดูภาพรวมแล้วก็คงไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียวที่มีผลประเมินต่ำลง แต่ภาพรวมเกิดขึ้นกับทุกประเทศเมื่อเทียบกับผลประเมินเมื่อปี 2018 ซึ่งเป็นผลกระทบของทุกประเทศที่ต้องเผชิญกับความท้ายทายในการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้จากผลการประเมินของนักเรียนไทยดังกล่าวทำให้ศธ.ต้องวางแนวทางแก้ปัญหาโดยจะตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาผลประเมินพิซาของนักเรียนไทยซึ่งจะมีสภาการศึกษาช่วยขับเคลื่อนวางทิศทางการแก้ไขปัญหาพร้อมกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมแก้ปัญหาด้วย
“ต้องยอมรับว่าการศึกษาต้องใช้เวลาและต้องเริ่มต้นจากการศึกษาระดับปฐมวัยไปโดยจากนี้ไปเราจะต้องปรับทิศทางการจัดการเรียนการสอนมุ่งสอนให้เด็กคิดวิเคราะห์เป็น และส่งเสริมเรื่องการอ่านเพราะนการสอบพิซาจะเน้นขอสอบที่คิดวิเคราะห์ ดังนั้นจากนี้ไปจะต้องมุ่งเน้นการคิดอ่านแบบคิดวิเคราะห์ของนักเรียนให้มากขึ้น ทั้งนี้ผมขอให้เชื่อการทำงานภายใต้การบริหารงานของนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลหน่วยงานของศธ.จะทำงานแก้ปัญหาให้รวดเร็วและสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ตนคาดว่าการประเมินพิซาในปี 2025 จะดีขึ้นอย่างแน่นอน และหากเมื่อวางแนวทางการแก้ไขปัญหาแล้วผลคะแนนพิซาในรอบถัดไปยังไม่ดีขึ้นผมขอรับผิดชอบในการพิจารณาตัวเอง” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ที่มา :
https://pisathailand.ipst.ac.th/news-21/
ข่าวที่เปิดอ่านมากที่สุด
กรุงเทพมหานครจับมือ Starfish Education เปิดตัวโครงการ "BKK Up Skill Future พัฒนาทักษะยุคใหม่"
15.05.25
สตาร์ฟิชเอ็ดดูเคชั่น ร่วมกับ สพม.กาญจนบุรี จัด Workshop พัฒนาศักยภาพครูผู้ช่วยสู่ครูมืออาชีพ
06.05.25
มูลนิธิสตาร์ฟิชเอ็ดดูเคชั่น ร่วมจัด Workshop “Makerspace เพื่อการเรียนรู้” พัฒนาทักษะบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร
06.05.25
กรุงเทพมหานคร ร่วมมือมูลนิธิสตาร์ฟิชเอ็ดดูเคชั่น เปิดตัวโครงการพัฒนาทักษะอนาคต Future Youth Thailand
05.06.25