การส่งเสริมทักษะครูยุคใหม่ เรียนรู้เทรนด์การส่งเสริมจากทั่วโลก

ในยุคที่การศึกษาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว "การส่งเสริมทักษะครูยุคใหม่" กลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ครูไม่ได้เป็นเพียงผู้สอนอีกต่อไป แต่ต้องเป็นผู้นำทางการศึกษา ผู้สร้างแรงบันดาลใจ และนักนวัตกรรมในห้องเรียน ระบบการศึกษาทั่วโลกต่างพยายามพัฒนาและปรับปรุงการฝึกอบรมครู เพื่อให้พวกเขาสามารถเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอน ในบทความนี้ Starfish Labz จะพาชาว Starfish Labz ทุกคนมาสำรวจถึงแนวทางการพัฒนาทักษะครูจากประเทศต่างๆ กัน

จะมีวิธีการส่งเสริมทักษะครูยุคใหม่ที่น่าสนใจและประเทศใดที่น่าเอาเป็นแบบอย่างบ้าง มาดูกันเลย

อังกฤษ: การพัฒนาครูผ่านการสนับสนุนจากรัฐบาลและการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ

อังกฤษเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาครูผ่านโครงการฝึกอบรมระดับประเทศ โดยรัฐบาลมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในโครงการต่างๆ เช่น:

• Early Career Framework (ECF) ที่ช่วยสนับสนุนครูมือใหม่ให้มีแนวทางการพัฒนาอาชีพที่ชัดเจน
• National Professional Qualifications (NPQs) ซึ่งเป็นโปรแกรมฝึกอบรมสำหรับครูและผู้นำการศึกษา
• Continuing Professional Development (CPD) ที่ให้ครูมีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาทักษะผ่านการอบรมต่อเนื่อง
• การให้ทุนและการสนับสนุนด้านการศึกษา ซึ่งเปิดโอกาสให้ครูได้รับการพัฒนาทักษะใหม่ๆ โดยไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง

นอกจากนี้ การเรียนการสอนในประเทศอังกฤษยังให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีในการสอน เช่น การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Oak National Academy เพื่อช่วยให้ครูสามารถพัฒนากลยุทธ์การสอนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ฟินแลนด์: ระบบการศึกษาเน้นความสุขและการพัฒนาแบบองค์รวม

ฟินแลนด์มักได้รับการยกย่องว่ามีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก โดยให้ความสำคัญกับ:

• การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานของครู ครูมีชั่วโมงสอนน้อยกว่า แต่มีเวลาในการพัฒนาทักษะมากขึ้น
• ความอิสระในการสอน ครูสามารถออกแบบการสอนของตนเองได้ โดยไม่ต้องยึดติดกับหลักสูตรที่ตายตัว
• หลักสูตรที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะชีวิต ไม่ใช่แค่ความรู้ทางวิชาการเท่านั้น
• การสนับสนุนจากภาครัฐและองค์กรอิสระ ซึ่งช่วยให้ครูมีโอกาสเข้ารับการอบรมอย่างต่อเนื่อง

ตลอดจนการสนับสนุนให้ครูเป็นนักวิจัยในห้องเรียน ทดลองวิธีการสอนใหม่ๆ และมุ่งเน้นไปที่การพัฒนานักเรียนอย่างรอบด้าน

สิงคโปร์: การฝึกอบรมครูที่เข้มข้น

สิงคโปร์ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มข้นในการฝึกอบรมครู ระบบของที่นี่มุ่งเน้นให้ครูมีคุณภาพสูงสุดก่อนเข้าสู่อาชีพ โดย:

• มีการคัดเลือกครูอย่างเข้มงวด ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเป็นครูได้ ผู้ที่ได้รับเลือกต้องผ่านการอบรมจากสถาบันฝึกอบรมครูที่มีคุณภาพสูง เช่น National Institute of Education (NIE)
• มีโอกาสพัฒนาทางวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง ครูได้รับการสนับสนุนให้เข้ารับการอบรมและพัฒนาทักษะตลอดอาชีพการทำงาน
• มีระบบที่ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง สิงคโปร์ใช้ข้อมูลการศึกษามาวิเคราะห์และปรับปรุงระบบการเรียนการสอนอยู่เสมอ
• การให้รางวัลและแรงจูงใจ เพื่อกระตุ้นให้ครูพัฒนาทักษะของตนเองอย่างต่อเนื่อง

ผลลัพธ์คือครูสิงคโปร์เป็นหนึ่งในกลุ่มครูที่มีคุณภาพสูงที่สุดในโลกและมีส่วนช่วยให้ระบบการศึกษาของประเทศติดอันดับต้นๆ ของโลก

ญี่ปุ่น: การพัฒนาแบบ "Lesson Study"

ญี่ปุ่นมีแนวทางการพัฒนาครูที่เป็นเอกลักษณ์ เรียกว่า Lesson Study ซึ่งเป็นกระบวนการที่ครู:

• ออกแบบบทเรียนร่วมกัน
• ทดลองสอนในห้องเรียนจริง
• สังเกตและให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุง
• จัดให้มีเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ระหว่างครูจากโรงเรียนต่างๆ เพื่อขยายแนวคิดการสอนที่ดี

แนวทางนี้ช่วยให้ครูมีโอกาสเรียนรู้จากกันและกัน และสามารถพัฒนาทักษะการสอนได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังส่งเสริม "วัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต" ในหมู่ครู ทำให้ครูต้องคอยพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

ออสเตรเลีย: การใช้ข้อมูลเพื่อพัฒนาการสอน

ออสเตรเลียใช้แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Education) เพื่อปรับปรุงระบบการศึกษา ครูต้องเรียนรู้การใช้ข้อมูลจากผลสอบและการประเมินของนักเรียนเพื่อปรับปรุงวิธีการสอน โดย:

• การใช้ระบบวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน เพื่อช่วยระบุจุดอ่อนของนักเรียนแต่ละคน
• การฝึกอบรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ข้อมูล
• การสนับสนุนจากรัฐบาล โดยมีโครงการต่างๆ ที่มุ่งเน้นให้ครูสามารถใช้ข้อมูลเพื่อการพัฒนาการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• สร้างสื่อการเรียนรู้ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามระดับทักษะของนักเรียน เพื่อให้แนวทางการสอนตรงกับความสามารถของนักเรียนมากขึ้น

แนวทางนี้ช่วยให้ครูสามารถตอบสนองความต้องการของนักเรียนได้ดียิ่งขึ้น และทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

บทบาทของผู้นำทางการศึกษาในการพัฒนาครู

การพัฒนาครูให้มีทักษะที่เหมาะสมไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวครูเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการแรงสนับสนุนจาก "ผู้นำทางการศึกษา" เช่น ผู้บริหารโรงเรียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำเหล่านี้สามารถช่วยให้การพัฒนาครูเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพโดย:

• ส่งเสริมให้ครูมีโอกาสพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
• สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้และการทำงานร่วมกันภายในโรงเรียน
• ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อช่วยในการสอน
• สนับสนุนให้ครูมีสมดุลระหว่างชีวิตและงาน

สรุป

กล่าวได้ว่าด้วยการลองเรียนรู้หรือนำแนวทางจากประเทศอื่นที่ประสบความสำเร็จมาปรับใช้ ผู้บริหารหรือคุณครูก็สามารถลองพัฒนารูปแบบการส่งเสริมทักษะครูยุคใหม่หรือรูปแบบการบริหารการศึกษาได้ดียิ่งกว่าเดิม ยิ่งเรียนรู้จากหลายๆ ที่ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้รับไอเดียหรือแรงบันดาลใจที่ดีและมีแรงผลักดันในการเปลี่ยนแปลงหรือสร้างระบบการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิม

ในบริบทของผู้นำการศึกษา การบริหารจึงยังไม่ใช่แค่เรื่องของการสอน แต่ยังคือการสนับสนุนคุณครูในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้และสร้างระบบการเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับพวกเขา เพื่อให้พวกเขาสามารถส่งต่อความรู้ที่ดีสู่ๆ เด็กๆ ในทุกรุ่นต่อๆ ไปนั่นเองค่ะ

อ้างอิง:

• British Council - การพัฒนาครูในอังกฤษ
• The Kommon - ระบบการศึกษาในฟินแลนด์
• Inskru - การฝึกอบรมครูในสิงคโปร์
• ONEC - Lesson Study ในญี่ปุ่น
• The Potential - Data-Driven Education ในออสเตรเลีย