Virtual Influencer แทรนด์ใหม่แห่งวงการ marketing

Virtual Influencer คืออะไร?

Virtual Influencer คือ ผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียล ที่ถูกสร้างขึ้นโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์กราฟิกสร้างคาแร็กเตอร์ Influencer ขึ้นมาให้มีความเหมือนมนุษย์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา ไลฟ์สไตล์ แต่ละคนจะมีบุคลิกที่โดดเด่นเหมือนมนุษย์ทั่วไป ไม่มีชีวิตบนโลกความจริง แต่มียอดผู้ติดตามระดับหลักหลายล้านเลยทีเดียว

Virtual Influencer คนแรกของโลกเกิดขึ้นในปี 2016 โดยบริษัท Brud ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีชื่อว่า “Lil Miquela” (ลิล มิเกลล่า) ผู้บุกเบิกวงการ CGI Influencer Miquela เป็นลูกครึ่งบราซิล-อเมริกัน วัย 19 ปีที่อาศัยอยู่ในลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย ผลงานของเธอคือ โฆษณาแคมเปญของแบรนด์แฟชั่น Calvin Klein ที่ได้ถ่ายทำกับนางแบบแห่งยุคอย่าง Bella Hadid โดยโฆษณาตัวนี้ทำให้ใครหลายคนต่างต้องตกตะลึงเมื่อมารู้ความจริงว่าเธอนั้น เป็น Virtual Influencer 

Virtual Influencer คนแรกของไทย “Ai Ailynn” (ไอ-ไอรีน) หญิงสาวผมบ๊อบในวัย 21 ปี สูง 165 เซนติเมตร สร้างโดยบริษัทเอเจนซี่ SIA Bangkok มีอาชีพเป็น ครีเอทีฟ ฟรีแลนซ์ และ อินฟลูเอนเซอร์ โดยสามารถติดตามไอรีนได้ที่ Instagram: ai_ailynn

การเข้ามามีบทบาทกับแบรนด์ ของ Virtual Influencer

ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ติดต่อสื่อสารกันในโซเชียลมีเดีย จึงทำให้ Virtual Influencer เข้ามามีบทบาทสำคัญในการโปรโมทสินค้าของแบรนด์ ซึ่งทำได้ง่ายเพราะทุกอย่างทำในคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องออกไปถ่ายงานข้างนอก ประหยัดขึ้นถ้าเทียบกับการจ้างงาน Influencer ที่เป็นมนุษย์ รวมถึงสามารถใช้งานได้ในระยะยาวอีกด้วย

หลายๆ virtual influencer ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง รับงานจากแบรนด์ระดับโลกเป็นว่าเล่น อย่างเช่น PRADA, CHANEL, Louis Vuitton, Dior เองก็นำ Virtual Influencer มาร่วมงานกับทางแบรนด์ด้วยเช่นกัน รวมไปถึงการออกงานอีเวนต์ต่าง ๆ ซึ่งพวกเขาก็สามารถปรากฏตัวในหลาย ๆ สถานที่พร้อมกันได้ในเวลาเดียวกัน

จุดแข็งที่ได้เปรียบมนุษย์คือพวกเขาจะไม่ป่วย ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่มีประวัติให้ขุดคุ้ย ให้แบรนด์ต้องเสียภาพลักษณ์อย่างแน่นอนค่ะ และไม่มีทางทำพฤติกรรมหักอกแฟนคลับเด็ดขาด 

Virtual Influencer มีดีกว่า Influencer ที่เป็นมนุษย์ตรงไหน?

1. Virtual Influencer ทำจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์จึงสามารถสั่งได้ดังใจ สามารถสร้างหน้าตาบุคลิก ลักษณะ ไลฟ์สไตล์แบบที่ต้องการได้เอง
2. Influencer บางคนทั้งคิดคอนเทนต์และถ่ายทำเองคนเดียว หรือถ้ามีทีมงานก็จำนวนไม่เยอะ แต่สำหรับ Virtual Influencer จะมีหลายทีมช่วยดูแล ไม่ว่าจะเป็นทีมด้านคอมพิวเตอร์ ทีมครีเอทีฟดูไลฟ์สไตล์ หรือทีมสไตล์ลิสด้านแฟชั่น ทำให้ลดระยะเวลาการทำงานไปได้มาก
3. เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คนออกจากบ้านไม่ได้ แต่ Virtual Influencer สามารถถูกตัดต่อให้ไปเที่ยว และไปร่วมงานกับ Virtual Influencer คนอื่น หรือดาราที่เป็นคนจริง ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง
4. ในระยะยาว Virtual Influencer อาจมีราคาถูกกว่าในแง่ของต้นทุน เมื่อเทียบกับการทำงานร่วมกับมนุษย์จริง ๆ
5. ปกติแล้วหาก Influencer ที่เป็นคนทำอะไรผิดพลาดในการถ่ายทำงาน ก็จะต้องเสียเวลากลับไปถ่ายแก้ใหม่ ซึ่งอาจจะทำให้งานทุกอย่างล่าช้าลง แต่สำหรับ Virtual Influencer เราสามารถลบ และแก้ไขความผิดพลาดทุกอย่างได้ในคอมพิวเตอร์ เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

เพอร์เฟ็กต์แค่ไหนก็มีจุดอ่อน

แม้จะไม่มีเรื่องข่าวฉาวมาให้กังวลใจเหมือนการใช้คนจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่า Influencer เสมือนเหล่านี้จะไม่มีข้อเสียนะคะ เนื่องจากมีราคาค่าตัวที่ค่อนข้างสูง แม้จะไม่จำเป็นต้องกินหรือใส่เสื้อผ้าจริงๆ ก็ตามค่ะ ในขณะเดียวกัน มนุษย์จริงๆ ยังมีข้อได้เปรียบจากการที่เป็นคนจริงๆ มีความซับซ้อน ชีวิตมีวันที่ดีและวันที่แย่เหมือนมนุษย์ทั่วไป ทำให้ดูน่าเชื่อถือ และเข้าถึงผู้บริโภคในกระแสหลักได้มากขึ้น 

ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วแม้ Influencer เสมือนจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าสำหรับแบรนด์ และจะกลายเป็นวิธีทำการตลาดที่สำคัญในอนาคต แต่ก็คงไม่สามารถมาแทนที่

เซเลบฯ ดารา หรือ Influencer ที่เป็นมนุษย์จริงได้อย่างแน่นอนค่ะ

ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้เทรนด์การใช้ Virtual Influencer ค่อนข้างได้เปรียบอย่างมาก และหากหมดยุคของโควิดไป Virtual Influencer จะยังเป็นกระแสฮิตเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรการที่เราได้เห็นโลกของ Virtual Influencer ค่อย ๆ เติบโตขึ้น ก็นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญของ Metaverse Human ส่วนหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรก็คงต้องคอยติดตามกันต่อไปนะคะ

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก :  

- www.springnews.co.th/spring-life/816433

- shorturl.asia/cPKgw

- www.rainmaker.in.th/virtual-influencer-for-brands/

- shorturl.asia/Tpxvr

-workpointtoday.com/virtual-influencer-can-disrupt-influencer-marketing-industry/