ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ การเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในวัยเด็กหรือช่วงที่เราอยู่ในระบบการศึกษาอีกต่อไป แต่เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตลอดชีวิต การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) เป็นแนวคิดที่ช่วยให้บุคคลสามารถพัฒนาทักษะ ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มโอกาสแห่งความสำเร็จในชีวิต
การที่โลกยุคใหม่เต็มไปด้วยการแข่งขันและข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ที่หยุดเรียนรู้อาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ในขณะที่ผู้ที่มีแนวคิดแบบเรียนรู้ตลอดชีวิตจะสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน
ในบทความนี้ Starfish Labz จึงขอชวนเพื่อนๆ มาสำรวจถึงถึงความหมาย ความสำคัญ วิธีการนำไปใช้ และตัวอย่างของบุคคลที่ประสบความสำเร็จจากการเรียนรู้ตลอดชีวิตกัน จะมีเนื้อหาไหนที่น่าสนใจ และวิธีการใดที่เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้ของเรากันบ้าง
ถ้าพร้อมแล้ว ก็มาเริ่มกันเลย
การเรียนรู้ตลอดชีวิตหมายถึงอะไร?
การเรียนรู้ตลอดชีวิตหมายถึงกระบวนการแสวงหาความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ในระบบ (Formal Learning) เช่น การศึกษาในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย การเรียนรู้นอกระบบ (Non-Formal Learning) เช่น การเข้าอบรมหลักสูตรระยะสั้น หรือการเรียนรู้อย่างไม่เป็นทางการ (Informal Learning) เช่น การศึกษาด้วยตนเองจากหนังสือ อินเทอร์เน็ต หรือการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
ความสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต
1. รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก
โลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสังคม ทักษะที่เคยมีประโยชน์ในอดีตอาจล้าสมัยไปในเวลาไม่กี่ปี ผู้ที่เรียนรู้อย่างต่อเนื่องจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ ได้
2. เพิ่มโอกาสในหน้าที่การงาน
ตลาดแรงงานมีการแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน ผู้ที่มีทักษะหลากหลายและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพการงานมากกว่าผู้ที่หยุดพัฒนาตนเอง
3. เสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง
การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทำให้บุคคลรู้สึกถึงความสำเร็จ และช่วยให้มีความมั่นใจในความสามารถของตนเองมากขึ้น
4. กระตุ้นการพัฒนาสังคม
เมื่อบุคคลมีความรู้และทักษะที่หลากหลาย สังคมโดยรวมก็จะได้รับประโยชน์จากการมีแรงงานที่มีคุณภาพและมีความคิดสร้างสรรค์
วิธีการนำการเรียนรู้ตลอดชีวิตไปใช้
1. ตั้งเป้าหมายการเรียนรู้
การตั้งเป้าหมายเป็นขั้นตอนแรกที่ช่วยให้การเรียนรู้มีทิศทางที่ชัดเจน ลองถามตัวเองว่า “เราอยากพัฒนาอะไร?” และกำหนดเป้าหมายที่สามารถวัดผลได้ เช่น
- หากต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษ อาจตั้งเป้าหมายว่า “อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ 1 เล่มต่อเดือน” หรือ “ฝึกพูดกับเจ้าของภาษา 15 นาทีทุกวัน”
- หากต้องการเรียนรู้ทักษะการเขียนโปรแกรม อาจกำหนดเป้าหมายว่า “เรียนหลักสูตร Python ออนไลน์ให้จบภายใน 3 เดือน”
การตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ และค่อย ๆ เพิ่มระดับความท้าทายจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจและสามารถเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง
2. ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์
ปัจจุบัน เทคโนโลยีทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้ทุกที่ ตัวอย่างของแหล่งเรียนรู้ที่มีประโยชน์ ได้แก่:
- คอร์สออนไลน์: แพลตฟอร์มอย่าง Coursera, Udemy, edX, และ Skillshare มีหลักสูตรจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก
- พอดแคสต์และหนังสือเสียง: สามารถฟังในระหว่างเดินทางหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ฟัง TED Talks หรือพอดแคสต์เกี่ยวกับธุรกิจ การพัฒนาตนเอง หรือเทคโนโลยี
- แอปพลิเคชันการเรียนรู้: เช่น Duolingo สำหรับภาษาต่างประเทศ หรือ Khan Academy สำหรับคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
การใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมช่วยให้เราสามารถเรียนรู้ได้แม้มีเวลาจำกัด
3. ฝึกฝนและปฏิบัติจริง
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพไม่ได้เกิดจากการอ่านหรือฟังเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการลงมือทำ ตัวอย่างของการนำความรู้ไปใช้จริง ได้แก่:
- เรียนรู้การเขียนโปรแกรม → ฝึกเขียนโค้ดและทำโปรเจกต์จริง เช่น สร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันง่าย ๆ
- ฝึกทักษะการพูดในที่สาธารณะ → ทดลองพูดในกลุ่มเล็ก ๆ หรือบันทึกวิดีโอของตนเองเพื่อตรวจสอบการพัฒนา
- เรียนรู้การถ่ายภาพ → ออกไปถ่ายภาพจริงและปรับปรุงเทคนิคจากข้อผิดพลาด
การลงมือทำช่วยให้ความรู้ที่ได้รับกลายเป็นทักษะที่ใช้งานได้จริง
4. สร้างเครือข่ายการเรียนรู้
การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ช่วยให้เรามีกำลังใจและแนวทางที่ชัดเจนขึ้น เราสามารถสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ได้โดย:
- เข้าร่วมกลุ่มหรือชุมชนออนไลน์: เช่น กลุ่ม Facebook, Reddit หรือ Discord ที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของเรา
- เข้าร่วมเวิร์กช็อปและสัมมนา: การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญหรือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่นช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้ลึกซึ้งขึ้น
- หาที่ปรึกษาหรือโค้ช: การมีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์สามารถช่วยให้เราเรียนรู้เร็วขึ้นและมีแนวทางที่ชัดเจนขึ้น
5. รักษาความอยากรู้อยากเห็น
ความอยากรู้อยากเห็นเป็นแรงผลักดันที่สำคัญของการเรียนรู้ ลองฝึกนิสัยเหล่านี้เพื่อให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต:
- ตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัว: เช่น ทำไมเทคโนโลยีบางอย่างถึงได้รับความนิยม? อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทหนึ่งประสบความสำเร็จ?
- อ่านหนังสือและบทความเป็นประจำ: การอ่านช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
- ทดลองสิ่งใหม่ ๆ: ลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น การเขียนบล็อก การเรียนรู้เครื่องดนตรี หรือการฝึกทักษะการเจรจาต่อรอง
การนำแนวคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตไปใช้ในชีวิตประจำวันไม่ใช่เรื่องยาก หากเราเริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมาย ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ ลงมือทำจริง สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ และรักษาความอยากรู้อยากเห็น การเรียนรู้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จและเติบโตไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จจากการเรียนรู้ตลอดชีวิต
1. อีลอน มัสก์ (Elon Musk)
อีลอน มัสก์ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของบุคคลที่ใช้การเรียนรู้ตลอดชีวิตในการพัฒนาตนเองและสร้างนวัตกรรม แม้ว่าเขาจะไม่ได้ศึกษาด้านวิศวกรรมอวกาศโดยตรง แต่เขาศึกษาด้วยตนเองผ่านการอ่านหนังสือ เช่น "Structures: Or Why Things Don't Fall Down" และ "Rocket Propulsion Elements" รวมถึงการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านจรวดและฟิสิกส์ จนสามารถก่อตั้ง SpaceX และพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศที่ล้ำสมัย เช่น จรวด Falcon 9 และ Starship นอกจากนี้ เขายังต่อยอดความรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์ พลังงานสะอาด และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จของ Tesla, Neuralink และ The Boring Company
2. บิล เกตส์ (Bill Gates)
บิล เกตส์ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเขาจะลาออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเพื่อก่อตั้ง Microsoft แต่เขาไม่เคยหยุดพัฒนาความรู้ของตนเอง เกตส์เป็นนักอ่านตัวยงที่อ่านหนังสือปีละกว่า 50 เล่ม โดยเน้นเรื่องเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และสังคมศาสตร์ ซึ่งช่วยให้เขามีมุมมองกว้างไกล นอกจากนี้ เขายังลงทุนในการศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ผ่าน Bill & Melinda Gates Foundation โดยเน้นการแก้ปัญหาสังคม เช่น การสาธารณสุข การศึกษา และพลังงานสะอาด
3. เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci)
ดา วินชี เป็นตัวอย่างของ "นักเรียนตลอดชีวิต" ที่แท้จริง เขาไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่ในสาขาเดียว แต่เรียนรู้จากหลายศาสตร์ ทั้งศิลปะ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรม กายวิภาค ดาราศาสตร์ และชีววิทยา ผ่านการสังเกต ทดลอง และจดบันทึก ดา วินชีไม่มีการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย แต่เขาเรียนรู้ผ่านการทดลองของตนเอง เช่น การศึกษาโครงสร้างร่างกายมนุษย์จากการผ่าศพ การออกแบบเครื่องจักร และการศึกษากระแสลมและน้ำ ซึ่งเป็นพื้นฐานของนวัตกรรมในยุคต่อมา
4. มารี คูรี (Marie Curie)
มารี คูรี เป็นนักวิทยาศาสตร์หญิงที่ไม่เคยหยุดเรียนรู้ แม้ว่าในยุคของเธอ ผู้หญิงแทบไม่มีโอกาสได้ศึกษาวิทยาศาสตร์ระดับสูง เธอเรียนรู้ด้วยตนเองและเดินทางจากโปแลนด์ไปยังฝรั่งเศสเพื่อศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ คูรีเป็นผู้ค้นพบธาตุเรเดียมและพอลอเนียม และพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับกัมมันตภาพรังสี (Radioactivity) ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการฟิสิกส์และการแพทย์ ความมุ่งมั่นในการศึกษาทำให้เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับ รางวัลโนเบลสองสาขา ทั้งฟิสิกส์และเคมี
5. วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก และเป็นบุคคลที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันไปกับการอ่านหนังสือ บทวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ และรายงานประจำปีของบริษัทต่าง ๆ โดยเขาอ่านหนังสือกว่า 500 หน้า ต่อสัปดาห์ตั้งแต่ยังหนุ่ม และยังคงทำเช่นนั้นจนถึงปัจจุบัน บัฟเฟตต์ยังเรียนรู้จากบุคคลที่เขานับถือ เช่น เบนจามิน เกรแฮม (Benjamin Graham) ผู้เป็นอาจารย์และที่ปรึกษาทางการเงินของเขา
บทสรุป
การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้บุคคลสามารถปรับตัวและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่ โดยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องไม่เพียงแต่เพิ่มพูนความรู้และทักษะ แต่ยังช่วยให้เรามีโอกาสที่ดีขึ้นในชีวิตและการงาน
แนวคิดนี้สามารถนำไปใช้ได้โดยการตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง และสร้างเครือข่ายความรู้ การปลูกฝังวัฒนธรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว
ดังนั้น ไม่ว่าเราจะอยู่ในช่วงวัยใดของชีวิตการเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด และเป็นสิ่งที่สามารถนำพาเราไปสู่ความสำเร็จและการใช้ชีวิตอย่างดียิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
Related Courses
อยากเป็น Content creator ให้ดัง ต้องทำอย่างไร
หากใครกำลังฝันอยากเป็น Content Creator คอร์สนี้ตอบโจทย์ทุกคำถาม! เพราะคุณจะได้เรียนรู้เทคนิคการสร้างคอนเทนต์สุดปัง แ ...



อยากเป็น Content creator ให้ดัง ต้องทำอย่างไร
ต้องใช้ 100 เหรียญ
เสริมสร้างนวัตกรรุ่นใหม่ ร่วมกันแก้ไขสภาวะโลก
ผู้เรียนในช่วงอายุ 13-18 ปี เรียนรู้และเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อทุกคนทั่วโลก เรา ...



เสริมสร้างนวัตกรรุ่นใหม่ ร่วมกันแก้ไขสภาวะโลก
Micro Learning เรียนอย่างไรให้สนุกในยุคภาวะการเรียนรู้ถดถอย
การเรียนรู้มีอยู่อย่างไม่จำกัดและหลากหลาย หากอยากจะเรียนรู้ไปพร้อมกับได้รับความสนุกนั้นต้องไม่หยุดเพียงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งแต่ ...



Micro Learning เรียนอย่างไรให้สนุกในยุคภาวะการเรียนรู้ถดถอย
วัยทีนยุคใหม่ จัดการเวลายังไงให้สมดุล
ในยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อตาล่อใจ ทั้งโซเชียลมีเดีย การเรียน กิจกรรมต่าง ๆ และการใช้ชีวิตส่วนตัว การจัดการเวลาจึงเป็นทั ...



Related Videos


(ENG) ขั้นตอนที่ 4 : การจัดการเรียนรู้ - รร.วัดกู่คำ จ.เชียงใหม่


โครงงาน "ข้าวไทย วิถีไท" ภาคเรียนที่ ๑ /๒๕๕๙

