ศธ. เข้ม! ผิดวินัยร้ายแรง โดนโทษจริงจัง! พอใจ TRS ทะลุ 1.5 หมื่น เดินหน้าพัฒนา PISA พร้อมสั่งโรงเรียนพิจารณาปิด-เปิด ช่วง PM 2.5
รมว.ศธ. “เพิ่มพูน” เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 3/2568 ยืนยันหนักแน่น ครูและข้าราชการยุคนี้หากผิดวินัยร้ายแรงคาดโทษจริงจังให้เห็นเป็นตัวอย่าง พอใจกระแสลงทะเบียนระบบย้ายครู TRS กว่า15,000 ราย คาดปลายปีนี้ผลการขับเคลื่อน PISA ออกมาดีทุกมิติตามที่ตั้งไว้ พร้อมเดินหน้า Zero Dropout ต่อเนื่อง และให้อำนาจสถานศึกษาพิจารณา ปิด – เปิด การเรียนการสอนช่วงฝุ่น PM 2.5
22 มกราคม 2568 – พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ กระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 3/2568 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ และออนไลน์ผ่านระบบ Zoom meeting
รมว.ศธ. เปิดเผยภายหลังการประชุม ดังนี้
บทลงโทษเด็ดขาดครู/ข้าราชการผิดวินัยร้ายแรง
จากกระแสข่าวปัจจุบันที่พบว่ามีครูหรือบุคลากรทางการศึกษาบางคนที่กระทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมถึงขั้นผิดวินัยและจริยธรรมร้ายแรง กระทรวงศึกษาธิการจึงดำเนินการด้วยความเร่งด่วนคือให้พักราชการไว้ก่อน และหากตั้งคณะกรรมการสอบสวนการกระทำผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพครูหรือข้าราชการแล้วพบว่ามีหลักฐานเพียงพอจะดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างจริงจัง ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากคุรุสภาในการพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูระหว่างการสอบสวนความผิดร้ายแรง ขอย้ำชัดเจนว่าในยุคปัจจุบันหากพบว่าครูหรือข้าราชการคนไหนกระทำผิดในหน่วยงานต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการให้เห็นว่าบุคคลที่ทำผิดได้รับการลงโทษรวดเร็วและฉับไวอย่างจริงจัง
การยกระดับคุณภาพการศึกษา PISA
การติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา PISA เป็นไปในทิศทางค่อนข้างดี ณวันนี้มีครูเข้าร่วมอบรมการสร้างและพัฒนาข้อสอบวัดความฉลาดรู้ด้านการอ่าน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ในระดับเขตพื้นที่เรียบร้อยแล้ว 78,788 คน จากจำนวนครู 445,624 คน ซึ่งได้หารือเรื่องความสำเร็จในด้านนโยบายและแนวทาง การติดตามอย่างเป็นระบบ การสื่อสารของผู้บริหารเพื่อสร้างความเข้าใจ และแกนนำและศึกษานิเทศก์ระดับพื้นที่ อีกทั้งยังหารือปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อนำไปถ่ายทอดให้หน่วยงานจัดการศึกษาที่ไม่ได้อยู่ในสังกัด สพฐ. หาทางดำเนินงานในการแก้ไขร่วมกัน
โดยเมื่อต้นสัปดาห์ได้มีการประชุม PISA ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานสังกัดต่าง ๆ เป็นอย่างดีในการดำเนินงาน นับเป็นมิติที่มีความสุขที่ในการขับเคลื่อนร่วมกัน และในส่วนของสภาการศึกษาได้มีรายงานติดตามเพิ่มเติมเพื่อยกระดับผลลัพธ์การเรียนรู้ (learning outcome) ของผู้เรียนจากผลการทดสอบ PISA รวมถึงการพัฒนาผลการจัดอันดับ IMD ประจำปี พ.ศ. 2568 ซึ่งกรมส่งเสริมการเรียนรู้ได้ดำเนินการร่วมกันอีกทางหนึ่งในเรื่องฐานข้อมูล เชื่อว่าในเรื่องของการยกระดับคุณภาพการศึกษาจะตอบโจทย์การประเมิน PISA และช่วงปลายปีผลน่าจะออกมาดีตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ระบบการย้ายข้าราชการครู (Teacher Rotation System: TRS)
สำหรับการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปี พ.ศ. 2568 ผ่านระบบ TRS ครั้งที่ 1 เป็นไปด้วยดีในการดำเนินงาน กระแสตอบรับในโลกโซเชียลเป็นที่น่าพอใจมาก ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ 3/10 มีครูในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการขอย้ายในระบบ ณ วันที่ 21 มกราคม 2568 จำนวน 15,997 ราย ซึ่งผู้ยื่นคำร้องสามารถเปิดดูได้ทุกขั้นตอนการดำเนินงานแบบเรียลไทม์
“ขอเน้นย้ำไปยังครูและบุคลากรทางการศึกษา อย่าเชื่อหากมีผู้แอบอ้างว่าจะดำเนินการให้โดยมีค่าจ่าย ยุคนี้ต้องไม่มีใครเสียเงินในการโยกย้าย ทุกอย่างในระบบย้ายครู TRS โปร่งใสตรวจสอบได้ และมีเหตุผลชี้แจงได้หมดในทุกขั้นตอน ครูจะทราบว่าได้เลยว่าได้ย้ายหรือไม่ได้ย้ายเพราะอะไร“
การติดตามเด็กนอกระบบการศึกษา (Thailand Zero Dropout)
ในด้านการติดตามเด็กนอกระบบการศึกษาเชิงระบบ (THAILAND Zero Dropout) เป็นเรื่องน่ายินดีในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา จากที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้รายงานผลการติดตามข้อมูลเด็กตกหล่น พบว่าขณะนี้สามารถตามเด็กกลับเข้ามาสู่ในระบบได้ 56,656 คน ซึ่งในส่วนของ สพฐ. ดำเนินการได้ 44,171 คนนอกนั้นเป็นการดำเนินงานของ สกร. และ ศธจ. 12,485 คน
ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างจริงจังในการค้นหาเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษา ทั้งครูและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยกันขับเคลื่อนทุกภาคส่วนในการ “พาน้องกลับมาเรียน” ส่วนเรื่อง “บุรีรัมย์โมเดล” ผลออกมาค่อนข้างดีเช่นกัน และที่ดีเยี่ยมอีกแห่งคือจังหวัดแม่ฮ่องสอนสามารถนำเด็กกลับมาได้จำนวนค่อนข้างสูง เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าหน่วยงานในสังกัดได้นำตามนโยบาย “ทำดี ทำได้ ทำทันที” ไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
มาตรการป้องกันปัญหาฝุ่น PM 2.5
ช่วงนี้ทั่วประเทศเกิดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ศธ.ได้วางมาตรการการจัดการโดยให้สถานศึกษาพิจารณาจัดการเรียนการสอนตามบริบทพื้นที่เพราะปัญหาฝุ่นพิษที่พบนั้นมากน้อยไม่เท่ากัน และบางโรงเรียนมีเครื่องฟอกอากาศติดตั้งในห้องเรียน เช่น โรงเรียนราชวินิตที่ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมล่าสุดพบว่าทุกห้องเรียนมีเครื่องฟอกอากาศครบ ทั้งนี้ หากพื้นที่ใดมีค่าฝุ่นระดับวิกฤตสีแดงให้เป็นอำนาจของผู้อำนวยการโรงเรียนใช้ดุลยพินิจ เปิด – ปิด การเรียนการสอนได้ตามความเหมาะสม แต่ถ้าโรงเรียนใดมีระบบจัดการป้องกันฝุ่นได้ดีการมาเรียนของเด็กอาจปลอดภัยกว่าอยู่ที่บ้าน
ที่มาของข่าว: https://moe360.blog/2025/01/23/moe-coordinate3_68/
ข่าวที่เปิดอ่านมากที่สุด
กรุงเทพมหานครจับมือ Starfish Education เปิดตัวโครงการ "BKK Up Skill Future พัฒนาทักษะยุคใหม่"
15.05.25
สตาร์ฟิชเอ็ดดูเคชั่น ร่วมกับ สพม.กาญจนบุรี จัด Workshop พัฒนาศักยภาพครูผู้ช่วยสู่ครูมืออาชีพ
06.05.25
มูลนิธิสตาร์ฟิชเอ็ดดูเคชั่น ร่วมจัด Workshop “Makerspace เพื่อการเรียนรู้” พัฒนาทักษะบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร
06.05.25
กรุงเทพมหานคร ร่วมมือมูลนิธิสตาร์ฟิชเอ็ดดูเคชั่น เปิดตัวโครงการพัฒนาทักษะอนาคต Future Youth Thailand
05.06.25