สิงคโปร์เอาจริง! สั่งแบนมือถือในโรงเรียนมัธยมทุกแห่งเริ่มปี 2026 หวังคืน "สังคมก้มหน้า" สู่การเรียนรู้และมิตรภาพที่แท้จริง

กระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ (MOE) ประกาศนโยบายครั้งใหญ่ เตรียมห้ามไม่ให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาใช้โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัวในช่วงเวลาเรียน รวมถึงช่วงพักเบรคและทำกิจกรรม เริ่มต้นปี 2026 นี้ ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การจัดการ "เวลาหน้าจอ" ของเด็กๆ เป็นเรื่องท้าทายสำหรับพ่อแม่และครูทั่วโลก ล่าสุด ประเทศที่มีระบบการศึกษาชั้นนำอย่างสิงคโปร์ ได้ตัดสินใจสร้างมาตรฐานใหม่เพื่อแก้ปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม

รายละเอียดมาตรการ "No Phone"

จากรายงานของ The Straits Times ระบุว่า นโยบายนี้จะถูกบังคับใช้กับโรงเรียนมัธยมศึกษา , วิทยาลัยจูเนียร์ และสถาบันมิลเลนเนีย ทั่วเกาะสิงคโปร์ โดยมีกติกาหลักๆ ดังนี้:

• ห้ามใช้ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงเรียน: ไม่ใช่แค่ในห้องเรียนเท่านั้น แต่รวมถึง "เวลาพัก"และ "ช่วงเวลาทำกิจกรรมเสริมหลักสูตร" (CCAs) ด้วย
• ข้อยกเว้น: อนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะเมื่อครูผู้สอนกำหนดให้ใช้เพื่อการเรียนรู้ หรือมีความจำเป็นฉุกเฉินเท่านั้น
• วิธีจัดการ: โรงเรียนอาจใช้มาตรการต่างๆ เช่น การเก็บโทรศัพท์ไว้ในล็อคเกอร์, การใช้ซองเก็บโทรศัพท์ หรือให้นักเรียนเก็บไว้ในกระเป๋าโดยต้องปิดเครื่องตลอดเวลา

💡 ทำไมต้องแบน? เบื้องหลังแนวคิดเพื่อพัฒนาการเด็ก

การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อ "กีดกันเทคโนโลยี" แต่มีจุดประสงค์หลักทางจิตวิทยาและพัฒนาการ 3 ข้อ:

• สร้างสมาธิในการเรียนรู้ : การแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดียรบกวนสมาธิและกระบวนการเรียนรู้เชิงลึกของเด็กๆ การตัดสิ่งเร้าออกไปจะช่วยให้เด็กโฟกัสกับบทเรียนได้ดีขึ้น
• กระตุ้นปฏิสัมพันธ์ทางสังคม : เป้าหมายสำคัญคือต้องการให้นักเรียนเงยหน้าจากจอ และหันมาพูดคุย สบตา และเล่นกับเพื่อนๆ ในโลกความเป็นจริงมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงพักและทำกิจกรรม
• ดูแลสุขภาพจิต: ลดความเสี่ยงจากการเสพติดหน้าจอ และผลกระทบทางลบจากโลกออนไลน์ เช่น Cyberbullying หรือความเครียดจากการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น

การเรียนรู้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในตำรา แต่เกิดขึ้นจากการ "เล่น" และ "คุย" กับผู้อื่น การที่สิงคโปร์ดึงเด็กๆ ออกจากหน้าจอในช่วงเวลาพัก จะช่วยฟื้นฟูทักษะสังคม ที่กำลังหายไปในเด็กรุ่น Gen Alpha ได้อย่างดีเยี่ยม การเปลี่ยนแปลงในปี 2026 ของสิงคโปร์ครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่ทั่วโลกต้องจับตามอง ว่าจะส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและสุขภาพจิตของนักเรียนในระยะยาวได้อย่างไร

เรียบเรียงโดย: ทีมงาน Starfish Labz

ที่มา: The Straits Times