จับสัญญาณ SOS ลูกเรียนตามไม่ทันเพื่อน
ภาคเรียนแรกของการเรียน on-site หลังจากโรงเรียนต้องปิดยาวเพราะโควิด-19 อาจทำให้นักเรียนหลายๆ คน ต้องปรับตัวใหม่ เพื่อให้ชินกับรูปแบบการเรียนในห้องเรียน จากที่เคยเรียนออนไลน์มาเป็นเวลานาน ซึ่งเด็กแต่ละคนมักปรับตัวได้ช้า เร็ว ต่างกัน หากพ่อแม่สงสัยว่าลูกอาจมีปัญหาการเรียน แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะลูกไม่ตั้งใจเรียน หรือเพราะลูกพยายามแล้วแต่ยังเรียนไม่ทันอยู่ดี ซึ่งอาจมาจากภาวะการเรียนรู้ถดถอย บทความนี้ StarfishLabz จะพาไปหาคำตอบค่ะ
เรียนไม่ทันเพราะการเรียนรู้ถดถอย
ภาวะการเรียนรู้ถดถอย เป็นภาวะที่เด็กๆ เสียโอกาสการเรียนรู้จากสถานการณ์ฉุกเฉินในสังคม เช่น โรคระบาด ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการด้านภาษา การสื่อสาร เมื่ออยู่บ้านนานเกินไป การกลับไปเรียนในโรงเรียนจึงมักต้องใช้เวลาปรับตัวนานขึ้น ซึ่งในช่วงเวลานี้ หากปรับตัวช้ากว่าคนอื่นๆ ก็อาจเรียนไม่ทันเพื่อน
โดยเฉพาะชั้นมัธยมที่วิชาความรู้ต่างๆ มีความซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ผู้เรียนเกิดความเครียด ยิ่งหากว่าเรียนไม่ทัน ก็อาจเริ่มมีพฤติกรรมไม่ทำการบ้าน ไม่ส่งงาน ทำให้เกรดตกลงกว่าเดิม
เมื่อเป็นเช่นนี้พ่อแม่ผู้ปกครอง จึงควรหมั่นสังเกตและสำรวจพฤติกรรมของลูก ติดตามการเรียนและการส่งการบ้านว่าลูกทำครบถ้วนหรือมีอุปสรรคอะไรในการเรียนหรือไม่
รู้ได้อย่างไรว่าลูกเรียนไม่ทันเพื่อน
อาจเป็นการยากเกินไปสำหรับพ่อแม่ของลูกวัยรุ่น ที่จะคาดคั้นคำตอบเรื่องการเรียนจากปากลูกตรงๆ โดยเฉพาะเมื่อลูกกำลังเผชิญกับปัญหา คำถามธรรมดาๆ ของพ่อแม่อาจกลายเป็นคำจับผิด ทำให้ลูกร้องไห้ หัวเสีย แต่ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใดๆ
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือ สังเกตความเปลี่ยนแปลงของลูก โดยทั่วไปเด็กที่ประสบปัญหาการเรียนจะมีพฤติกรรมคล้ายๆ กัน เช่น ดูหมดเรี่ยวแรงหลังกลับจากโรงเรียน ใช้เวลาทำการบ้านบางวิชานานกว่าปกติ มีพฤติกรรมไม่อยากไปโรงเรียนในบางวัน เช่น วันที่ต้องเข้าแลป หรือวันที่ต้องท่องคำศัพท์ นอกจากนี้เด็กบางคนอาจหงุดหงิดหัวเสียตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับโรงเรียน
หากค่อนข้างมั่นใจว่าลูกประสบปัญหาด้านการเรียน ควรเรียกลูกมานั่งคุยเป็นกิจจะลักษณะ บอกให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่มีเจตนาที่จะช่วยให้ลูกก้าวข้ามปัญหา พ่อแม่ไม่ได้เข้ามาเพื่อตัดสินหรือทำให้ลูกรู้สึกแย่ อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าการเรียนไม่ทันเพื่อน เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะหลังจากที่หยุดเรียน on-site เป็นเวลานาน
การปล่อยให้ลูกรับมือปัญหาเพียงลำพังมีแต่ผลเสียมากกว่าผลดี เพราะวัยรุ่นมักเลือกที่จะหลบหนีปัญหามากกว่าเผชิญหน้าเพื่อแก้ไข ยิ่งปล่อยไว้นาน ก็มีแนวโน้มที่ปัญหาจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น
เกิดอะไรเมื่อลูกเรียนไม่ทันเพื่อน
เมื่อเด็กเรียนไม่ทันเพื่อน หมายความว่าพวกเขาไม่เข้าใจบทเรียนเหมือนกับที่เพื่อนในชั้นเดียวกันเข้าใจ เมื่อไม่เข้าใจจึงไม่สามารถทำงาน ทำการบ้าน เพื่อส่งครูให้ถูกต้องได้
เด็กบางรายเลือกที่จะเงียบแทนการขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ หรือครู พวกเขาอาจเลือกเก็บปัญหาไว้กับตัวเอง เพราะอาย กลัวเพื่อนล้อ กลัวครูดุ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม การเก็บปัญหาไว้คนเดียว มักส่งผลเสียมากกว่าผลดี
เมื่อเรียนไม่ทันเพื่อน นอกจากจะส่งผลกระทบด้านการเรียนโดยตรงแล้ว ยังส่งผลต่อความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตัวเอง เด็กที่เรียนไม่ทันเพื่อน มักขาดความมั่นใจในห้องเรียน ทำให้เก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร ในทางกลับกัน อาจเบี่ยงเบนความสนใจคนอื่นจากปมด้อยด้านการเรียนของตัวเอง ด้วยการสร้างพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น โดดเรียน ทำตัวเป็นหัวโจกประจำห้อง เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมต่างๆ เหล่านี้หากไม่ได้รับการแก้ไข ก็อาจทำให้เกิดโรคเครียดหรือภาวะซึมเศร้าได้
ชวนพ่อแม่ใช้ STEAM Design Process ช่วยลูกแก้ปัญหาเรียนไม่ทัน
หนังสือเรื่อง สร้างทักษะแห่งอนาคต ด้วย Makerspace STEAM Design Process แนะนำกระบวนการที่พ่อแม่สามารถนำไปใช้พัฒนาทักษะต่างๆ ให้กับลูก ซึ่งอาจรวมถึงวิธีกอบกู้การเรียนรู้ถดถอย ทำให้ลูกเรียนไม่ทันเพื่อนด้วย
โดยกระบวนการ STEAM ที่หนังสือแนะนำ แบ่งเป็น 5 ขั้นตอน คือ
- ASK ถาม (ระบุปัญหาที่เผชิญ) : พ่อแม่ชวนลูกมาระดมความคิดถึงสาเหตุของปัญหาที่ลูกเผชิญ เช่น เรียนไม่ทันเพื่อนเพราะปรับตัวไม่ทัน หรือ เพราะมีปัญหาอื่นๆ
- IMAGINE จินตนาการ (ระดมความคิดว่าจะทำอย่างไร) : ชวนลูกใช้จินตนาการระดมความคิดเพื่อหาวิธีแก้ปัญหานั้น โดยคำตอบของลูกไม่มีถูกผิด แต่ละคนอาจช่วยกันวิเคราะห์ว่าทางออกแต่ละข้อที่เสนอมา มีข้อดี-ข้อด้อยแตกต่างกันอย่างไร ก่อนเลือกข้อที่ทุกคนเห็นตรงกันว่ามีประโยชน์มากที่สุด เช่น ทุกคนเห็นตรงกันว่า ลูกควรเล่นเกมส์น้อยลง และเพิ่มเวลาอ่านหนังสือ รวมทั้งเข้ากลุ่มติวกับเพื่อนช่วงสุดสัปดาห์
- PLAN วางแผน (ลำดับการทำ เครื่องมือ ความรู้ เวลา และข้อจำกัด) : เมื่อได้วิธีการแก้ปัญหาแล้ว ก็วางแผนว่าจะมีขั้นตอนอย่างไรเพื่อให้การแก้ปัญหาประสบความสำเร็จ เช่น พ่อแม่ช่วยลูกจัดตารางกิจวัตรประจำวันใหม่ เพื่อให้มีเวลาอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องหักโหมเกินไปนัก แทนที่ลูกจะกลับบ้านเองในตอนเย็น พ่อแม่อาจไปรับเพื่อให้ลูกมีเวลาพักมากขึ้น เป็นต้น
- CREATE (ลงมือปฏิบัติแบบจำลอง) : ทดลองทำตามแผน โดยกำหนดระยะเวลาสั้นๆ เช่น 1 สัปดาห์ แล้วร่วมกันประเมินว่าผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวังไว้หรือไม่
- Reflect & Redesign : สะท้อนผลของสิ่งที่ทดลองทำ ให้มีข้อบกพร่อง ก็ร่วมกันวางแผนและปรับปรุงแผนใหม่ให้ดีขึ้น เช่น หากการติวทุกสุดสัปดาห์ทำให้ลูกเหนื่อยเกินไป อาจเปลี่ยนเป็นสัปดาห์เว้นสัปดาห์เพื่อให้มีเวลาผ่อนคลายบ้าง เป็นต้น
สุดท้ายแล้ว ปัญหาลูกเรียนไม่ทันเพื่อน ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับเด็กทุกคน แต่หากว่าพ่อแม่ยื่นมือช่วยเหลือได้เร็ว ก็จะทำให้ลูกก้าวข้ามปัญหาการเรียนนี้ไปสู่การเรียนรู้อย่างมีความสุข เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอนาคตได้
แหล่งอ้างอิง (Sources):
Related Courses
Peer Learning วิธีฟื้นฟู Learning Loss
ในคอร์สนี้จะเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับ Peer Learning คืออะไร 5 รูปแบบของกิจกรรม Peer to Peer Learning ตัวอย่างก ...
ฝึกทักษะพื้นฐานในการตัดสินใจ (Decision Making)
การตัดสินใจที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้น ถ้าหากได้รับการฝึกฝนทักษะการตัดสินใจตั้งแต่วัยรุ่น ก็จะเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิ ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
การสื่อสารภาษาอังกฤษ ใครว่ายาก? หากเราเข้าใจ และสื่อสารมันจากความรู้สึก และไม่ต้องกังวลจนเกินไป ในคอร์สเรียนนี้เราจ ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
ต้องใช้ 100 เหรียญ
การออกแบบกล่องเพื่อการเรียนรู้ (Learning Box)
เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้โรงเรียนไม่สามารถจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติ และเด็กจำเป็นต้องเรียนที่บ้าน Learning box ...