ทักษะการขายที่วัยทีนต้องรู้

ช่วงนี้ใครๆ ก็หันมาเอาดีด้านการขายของ มีพ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งปัญหาโรคระบาดที่ทำให้หลายๆ คนตกงาน ปัญหาเศรษฐกิจที่ทำให้หลายครอบครัวต้องหารายได้เสริม สำหรับเพื่อนๆ วัยทีน หากมีเวลาว่าง จากการเรียนออนไลน์ อยากทดลองเป็นพ่อค้าแม่ค้าจำเป็น จะมีทักษะการขายและเรื่องอะไรที่จำเป็นต้องรู้ ก่อนลงสนามจริงบ้าง ลองมาหาคำตอบกันเลยจ้า

เมื่อวัยรุ่นอยากลุยตลาดนัด

ตลาดนัด เรียกได้ว่าเป็นแหล่งซื้อขายที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย ไม่ว่าจะเผชิญกับโรคระบาด น้ำท่วม ฯลฯ แต่ตลาดนัดก็ยังยืดหยัดอยู่คู่กับแหล่งชุมชนแทบจะตลอดเวลา ถึงแม้บางครั้งอาจมีการปิดด้วยสาเหตุต่างๆ บ้าง แต่เมื่อกลับมาเปิดอีกครั้งก็ยังได้รับความนิยมเหมือนเดิม ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ ตลาดนัดมักอยู่ในแหล่งชุมชน ใกล้กับที่พักอาศัย แหล่งคนทำงาน หรือเป็นบริเวณที่มีผู้คนสัญจรไปมา การขายที่กำหนดช่วงเวลาชัดเจน เช่น ตลาดเช้า ตลาดเที่ยง หรือตลาดเย็น ทำให้ผู้ขายไม่ต้องนั่งเบื่อตลอดทั้งวันเพื่อรอลูกค้า อีกทั้งรูปแบบการขายที่ไม่ต้องลงทุนมาก จึงเหมาะสำหรับมือใหม่หัดขายเป็นอย่างยิ่ง

เพื่อนๆ คนไหนที่สนใจ อยากลองขายของในตลาดนัด ลองมาดูกันก่อนว่าต้องเตรียมความพร้อมอะไรบ้าง

• สำรวจตลาด : ลองเดินดูว่าตลาดนัดที่เพื่อนๆ สนใจ มีสินค้าอะไรบ้าง และสินค้าประเภทไหนขายดี ตลาดนัดบางแห่งขายวัตถุดิบทำอาหารอาจได้รับความนิยม แต่บางแห่งขายอาหารปรุงสำเร็จจำพวกข้าวกล่อง อาจขายดี นอกจากนี้ ก็ควรสังเกตด้วยว่าอะไรบ้างที่ยังไม่มีขาย เพื่อเราอาจนำสิ่งนั้นไปขายได้ 
• สำรวจลูกค้า : ก่อนที่เพื่อนๆ จะเริ่มขายของในตลาดนัด ควรรู้ก่อนว่ากลุ่มลูกค้าในตลาดนั้นๆ เป็นใคร มีสไตล์การจับจ่ายอย่างไรบ้าง เช่น ตลาดภายในหมู่บ้าน กลุ่มลูกค้ามักเป็นครอบครัว พ่อบ้านแม่บ้าน ของสด วัตถุดิบทำอาหาร และกับข้าว น่าจะขายดี ตลาดที่อยู่ใกล้โรงงาน อาหารจำพวกข้าว อาจได้รับความนิยม หรือหากเป็นตลาดออฟฟิศ อาหารจานด่วน ขนม ของว่าง อาจขายดีเป็นต้น 
• สำรวจตัวเอง : เมื่อคิดว่ารู้จักตลาด และกลุ่มลูกค้าดีแล้ว ก็ถึงเวลาหันกลับมาสำรวจตัวเองว่าจะนำสินค้าใดไปขาย หากทำอาหารเก่ง อาจเลือกทำข้าวกล่อง โดยอาจเพิ่มจุดเด่นเป็นข้าวกล่องอาหารสุขภาพ หรือเน้นเมนูหลากหลายราคาประหยัด ใครที่ไม่ถนัดทำอาหาร อาจลองรับสินค้ามาขายต่อ ทั้งนี้ต้องพิจารณาเรื่องความพร้อมของอุปกรณ์ เครื่องมือในการขายต่างๆ รวมถึงต้นทุนด้วย

ตลาดนัด หรือ ออนไลน์ ขายแบบไหนดีกว่ากัน

เพื่อนๆ บางคนที่คุ้นเคยกับช่องทางออนไลน์มากกว่า อาจสงสัยว่า การขายของตลาดนัดดีจริงหรือ จะว่าไปแล้วคำตอบของคำถามนี้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตของเพื่อนๆ รวมถึงสินค้าที่เราจำหน่าย เช่น หากเราขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ การขายออนไลน์ อาจดีกว่า แต่สำหรับใครที่อยากลองขายอาหาร ขนม กับข้าว ตลาดนัดน่าจะเป็นช่องทางที่เหมาะสม อีกทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตของเพื่อนๆ หากเป็นสายลุย ชอบพบเจอ พูดคุยกับผู้คน ลองขายของในตลาดนัดสักครั้ง ก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ แต่เพื่อนๆ คนไหนไม่ชอบอากาศร้อน ไม่อยากเจอคนเยอะๆ ไม่ชอบขนของ ขายออนไลน์ ก็อาจจะเหมาะกว่าค่ะ

อีกสิ่งหนึ่งที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ การขายของตลาดนัด หากขายดี เราจะได้รับเงินทันที การเห็นเงินหลังจากทำงานเหนื่อยๆ ช่วยให้มีกำลังใจขึ้นเยอะ ในทางกลับกัน หากขายไม่ค่อยได้ ก็อาจรู้สึกเสียความมั่นใจ เศร้านิดๆ แต่เชื่อเถอะค่ะว่า เพื่อนๆจะได้ประสบการณ์ที่คุ้มค่ามากกว่าเงินเป็นไหนๆ 

พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ ต้องมีทักษะการขายอะไรบ้าง

เอาล่ะค่ะ! เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า จะขายของในตลาดนัด ทักษะที่เพื่อนควรฝึกฝนให้ชำนาญก่อนเริ่มงานขายได้แก่

• เสียงดัง ฟังชัด : ใครที่มักเป็นตัวแทนกลุ่มออกไปรายงานหน้าชั้น ถือว่าได้เปรียบสุดๆ ค่ะ เพราะนั่นแสดงว่า เรามีความมั่นใจและทักษะการพูดระดับหนึ่ง การขายของที่ต้องเผชิญหน้ากับลูกค้า การพูดจาฉะฉาน เสียงดัง ฟังชัด ไม่เพียงช่วยทำให้ลูกค้าได้ยินเราชัดเจนแข่งกับเสียงรบกวนต่างๆ เท่านั้น แต่ยังแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าเรามีความมั่นใจในคุณภาพของสินค้า ซึ่งช่วยให้การขายประสบความสำเร็จได้ 
• แก้ปัญหาเฉพาะหน้า : การขายของตลาดนัด อาจมีเหตุการณ์เฉพาะหน้าเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เช่น จู่ๆ ฝนก็ตกลงมา เราจำเป็นต้องรีบตัดสินใจว่าจะเก็บของกลับบ้าน หรือหาผ้าคลุม รอให้ฝนซา บางครั้ง อาจมีสินค้าเหมือนกันมาวางขายใกล้ๆ เราก็จำเป็นต้องหากลยุทธ์แบบด่วนๆ เพื่อทำให้สินค้าของเราโดดเด่นขึ้นมา 
• ถ้อยทีถ้อยอาศัย : ในตลาดนัดที่มีพ่อค้าแม่ค้าหลากหลาย ทุกคนก็ต้องการให้สินค้าของตนขายได้ดีที่สุด บางครั้งการจัดล๊อคที่อยู่ใกล้ๆ กัน อาจมีอะไรไม่ถูกใจเราบ้าง ในฐานะพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ ต้องรู้จักถ้อยทีถ้อยอาศัย หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงเกินไป หลีกเลี่ยงความขัดแย้งจะดีที่สุด เพราะสุดท้ายแล้ว ร้านที่อยู่ข้างๆ กัน ก็มักจะต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่ดี
• ซื่อสัตย์ : การทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ สิ่งสำคัญคือความซื่อสัตย์ อย่าคิดเพียงว่าขายไม่กี่ครั้ง จะเอาอะไรมาขายก็ได้ เพราะถึงแม้เราจะลองตลาดเล่นๆ แต่การขายของไม่ได้คุณภาพ หรือเอาเปรียบลูกค้า คือการแสดงถึงความไม่เป็นมืออาชีพ หากทำบ่อยๆ จนติดเป็นนิสัย เมื่อความจริงเปิดเผย ก็คงไม่มีใครอยากสนับสนุนหรือร่วมงานด้วยอีกต่อไป

เกร็ดควรรู้ ก่อนเริ่มขายของตลาดนัด

• หาข้อมูลเบื้องต้น หากมีตลาดนัดที่หมายตา อยากนำของไปขาย ให้เริ่มจากเดินตลาดนั้นเพื่อทำการสำรวจ 2-3 ครั้ง แวะซื้อของกับพ่อค้าแม่ค้าที่ท่าทางใจดี และไม่ยุ่งจนเกินไป เพื่อถามข้อมูลเบื้องต้น เช่น ค่าล๊อคเท่าไร ติดต่อได้ที่ไหน อย่างไร ส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้าใจดี มักยินดีให้คำแนะนำเราในเบื้องต้น
• ติดต่อจองล๊อค เมื่อรู้ว่าต้องติดต่อที่ไหนอย่างไร ควรทำการสอบถามกับผู้ดูแลตลาดหรือผู้จัดล๊อค บางแห่งอาจให้จองล่วงหน้า แต่ส่วนใหญ่มักให้มาในวันที่จะขายของเลย โดยต้องไปถึง 2-3 ชั่วโมงล่วงหน้าก่อนทำการขาย หากตลาดที่ได้รับความนิยมมาก พ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่ มักต้องรอคิว หากมีล๊อคหลุดจอง ผู้ดูแลตลาดจึงจัดล๊อคนั้นๆ ให้เรา
• อย่าคาดหวังล๊อคประจำ  พ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่ การเริ่มขายช่วงแรกๆ มักไม่ได้ล๊อคประจำ และต้องรอล๊อคว่างจากเจ้าประจำที่ไม่มา ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ จริงๆ แล้วไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหน หากสินค้าเราเป็นที่ต้องการของตลาดจริงๆ ก็มักจะขายได้ ไม่มีปัญหา เพียงแต่ในครั้งแรกๆ ลูกค้าอาจมองดู ยังไม่ตัดสินใจซื้อ การขายของตลาดนัด ต้องอาศัยความอดทน และสม่ำเสมอ หากเราไปบ่อยๆ ลูกค้าเริ่มคุ้นเคยก็จะขายได้มากขึ้น 
• อดทนต่อสภาพอากาศ ตลาดนัดส่วนใหญ่ มักไม่มีเครื่องปรับอากาศ บางแห่งอยู่กลางแจ้ง แต่ถึงแม้จะไม่มีร่มกันแดดคันใหญ่ๆ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะโดยทั่วไปตลาดจะมีบริการให้เช่าร่ม ซึ่งช่วยกันแดดได้ระดับหนึ่ง แต่หากฝนตกหนักๆ ก็ตัวใครตัวมันนะจ๊ะ การไปขายของตลาดนัด เพื่อนๆ จึงต้องเตรียมพร้อมรับสภาพอากาศที่คาดไม่ถึง ควรพกหมวก เสื้อกันฝน พัด ยาดม ยากันยุง ให้พร้อม

สุดท้ายแล้ว ไม่มีความสำเร็จใด ได้มาโดยง่าย การขายของตลาดนัด อาจเป็นวิธีหารายได้เสริมที่เหนื่อยกว่าวิธีอื่นๆ แต่ประสบการณ์ที่เพื่อนๆ ได้รับย่อมคุ้มค่า ยิ่งหากว่าสินค้าของเราได้รับความนิยม เห็นรายได้จากการขาย ก็จะยิ่งทำให้เรามีกำลังใจ พร้อมสำหรับตลาดนัดครั้งต่อไปแน่นอน