Time Management ทักษะจำเป็นของเด็กยุคใหม่

Starfish Academy
Starfish Academy 4435 views • 3 ปีที่แล้ว
Time Management ทักษะจำเป็นของเด็กยุคใหม่

ถึงแม้ว่าทุกคนจะมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ก็ใช่ว่าแต่ละคนจะใช้ประโยชน์จากเวลาที่มีได้เหมือนกัน โดยเฉพาะในสังคมยุคใหม่ ที่มีสิ่งล่อตาล่อใจให้เราหลุดโฟกัสจากสิ่งที่ต้องทำได้ง่าย ๆ การจัดสรรเวลาหรือ Time management จึงเป็นอีกหนึ่งทักษะที่เด็ก ๆ ยุคนี้จำเป็นต้องเรียนรู้ เพื่อให้พวกเขาสามารถรับมือกับโลกที่หมุนไวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพราะการใช้ชีวิตในแต่ละวัน อาจเกิดความเครียด ไม่เว้นแม้แต่เด็กน้อยวัยเรียน ในแต่ละวันเด็ก ๆ อาจมีสิ่งที่ต้องทำมากเกินไป ทั้งไปโรงเรียน เรียนพิเศษ ทำการบ้าน ทำรายงาน เตรียมพรีเซนต์หน้าห้อง อ่านหนังสือ แล้วไหนจะเวลาส่วนตัวที่พวกเขาอยากทำสิ่งต่าง ๆ อีก เมื่อเป็นเช่นนี้ เด็กแต่ละคนอาจรับมือกับความเครียดนี้ไม่เหมือนกัน ดังนั้น ก่อนสอนลูกบริหารเวลา ลองมาทำความเข้าใจ การแสดงออกของเด็ก ๆ แต่ละแบบเมื่อเผชิญความเครียดเรื่องเวลากันก่อนค่ะ

ลูกคุณเป็นอย่างไร เมื่อต้องบริหารเวลา

1. พูดเดี๋ยวก่อน...เก่ง! ไม่ว่าจะการบ้าน รายงาน งานบ้าน หรือใด ๆ ที่ต้องทำให้ลุล่วง เด็ก ๆ กลุ่มนี้มักมาพร้อมกับคำว่า “เดี๋ยวก่อน” นิสัยชอบผลัดวันประกันพรุ่งของเด็กกลุ่มนี้ อาจไม่ได้เกิดจากความขี้เกียจ แต่ลึก ๆ แล้วพวกเขาอาจรู้สึกว่า “ไม่พร้อม” และ “ไม่กล้า” ที่จะเริ่มลงมือทำ เพราะกลัวความผิดหวังหากผลลัพธ์ไม่เป็นตามที่เขาคิด หรือตามที่พ่อแม่คาดหวัง บางครั้งเด็กกลุ่มนี้อาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าการผลัดวันประกันพรุ่งของพวกเขา เป็นกลไกป้องกันตนเอง 

2. งานร้อนเพราะไฟลน เด็กกลุ่มนี้พฤติกรรมอาจคล้ายกับกลุ่มแรก แต่สาเหตุของการกระทำอาจต่างกัน กล่าวคือ ขณะที่กลุ่มแรกผลัดผ่อนเพราะไม่พร้อม ไม่มั่นใจ ในทางตรงข้ามเด็กกลุ่มนี้มีความมั่นใจว่าตนเองจะทำสำเร็จได้ภายในวินาทีสุดท้าย อะดรีนาลีนที่สูบฉีดด้วยความตื่นเต้นเมื่อใกล้ถึงกำหนดส่งงาน คือตัวกระตุ้นชั้นดี ผู้ใหญ่อาจมองว่าเด็กมักรอให้ไฟลนก้นจึงเริ่มทำงาน จริง ๆ แล้วเด็กกลุ่มนี้อาจต้องการตัวกระตุ้นให้พวกเขาลงมือทำ เช่น การเชียร์อัพจากพ่อแม่ รางวัล หรือกระทั่งเดดไลน์ 

3. Early Bird ผู้มาก่อนกาล เด็กกลุ่มนี้มักรีบลงมือทำงานทันทีหลังจากได้รับมอบหมาย และทำสำเร็จก่อนกำหนด ไปถึงที่หมายก่อนเวลานัด พวกเขาเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพราะแค่ความคิดที่ว่าต้องทำงานในวินาทีสุดท้าย หรือรีบวิ่งไปขึ้นรถโรงเรียน เพราะตื่นสาย ก็ทำให้พวกเขาเครียดได้ ดังนั้น ผู้มาก่อนกาล จึงรีบทำทุกอย่างให้สำเร็จก่อนเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงความเครียด จากการเร่งรีบในวินาทีสุดท้าย

4. อ้าว! ไม่เหมือนที่คิดไว้นี่นา เด็ก ๆ กลุ่มนี้มักมีปัญหาในเรื่องการประเมินเวลา และสถานการณ์ เมื่อเริ่มลงมือทำงาน เขามักคิดว่างานนี้ไม่ยากเท่าไร แต่เมื่อทำ ๆ ไปพวกเขามักรู้สึกว่าต้องใช้ความพยายาม และเวลามากกว่าที่คิด และมักลงเอยด้วยการทำงานไม่สำเร็จตามเวลา หรือหากทำทันก็ไม่ดีอย่างที่คิด ทำให้เกิดความเครียด รู้สึกสูญเสียอำนาจในการจัดการเวลา นำไปสู่การเสียความมั่นใจที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้

5. Perfectionist เด็กกลุ่มนี้ใช้เวลาจนวินาทีสุดท้ายเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ทำสมบูรณ์แบบที่สุด เพราะความสำเร็จของพวกเขาขึ้นอยู่กับการยอมรับจากผู้อื่น การทำงานสำเร็จจึงไม่เพียงพอ แต่ต้องทำจนแน่ใจว่าผลงานของพวกเขาดี และเป็นที่ยอมรับด้วย การกระทำนี้มีความกลัวเป็นแรงขับ พวกเขาไม่ชอบฟังคำวิจารณ์ ดังนั้นจึงเตรียมพร้อมอย่างดีเพื่อทำงานให้ดีที่สุด ชาว Perfectionist จึงไม่ชอบทำงานภายใต้ความกดดัน

ช่วยลูกรัก เพิ่มทักษะบริหารเวลา

เมื่อเข้าใจเรื่องการจัดการเวลาของเด็กแต่ละแบบแล้ว ลองมาดูวิธีช่วยลูกรักเพิ่มทักษะบริหารเวลากันค่ะ

- จัดลำดับความสำคัญ บางครั้งเด็ก ๆ อาจต้องรับมือกับตารางกิจกรรมที่ชนกัน เช่น มีเรียนพิเศษ เวลาเดียวกับงานวันเกิดเพื่อนสนิท คุยกับลูกเรื่องการจัดลำดับความสำคัญ และการรับมือสถานการณ์ อธิบายให้ลูกเข้าใจความต่างระหว่างสิ่งที่ “อยากทำ” กับสิ่งที่ “ต้องทำ” กรณีที่สองเหตุการณ์เป็นสิ่งที่ต้องทำทั้งคู่ อาจดูว่าสิ่งใดสามารถยืดหยุ่นได้ เช่น อาจขอเพื่อนไปงานวันเกิดสาย เพราะต้องเรียนก่อน เป็นต้น 

- ใช้เครื่องมือบริหารเวลา สอนเด็ก ๆ ให้รู้จักเครื่องมือบริหารเวลาต่าง ๆ อย่าง Planner ที่มีทั้งแบบสมุดบันทึก หรือที่มาในรูปแบบ Application บนสมาร์ท โฟน แนะนำลูกว่าเครื่องมือเหล่านี้ช่วยจัดลำดับความสำคัญสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยเตือนความจำถึงสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันอีกด้วย 

- ฝึกประเมินเวลา หากมีรายงานสองชิ้นที่ต้องส่งพร้อมกัน ให้ลูกลองประเมินว่า ชิ้นใดต้องใช้เวลามากกว่ากัน อาจเขียนแผนการดำเนินงานคร่าว ๆ เช่น ใช้เวลากี่วันในการทำแต่ละบท ช่วงเช้าอาจทำชิ้นที่ง่ายก่อน ช่วงเย็นทำชิ้นที่ยาก เมื่อทำไปได้ครึ่งทางอาจลองประเมินอีกครั้งว่าเป็นไปตามแผนที่คิดไว้หรือต้องปรับเปลี่ยนแผน บอกลูกว่าการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ จะช่วยให้จัดการเวลาได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

- ใช้ชีวิตเป็นกิจวัตร หากลูกมีปัญหาเรื่องการไม่ตรงต่อเวลา ไปเรียนสาย ผิดนัด อาจชวนลูกจัดตารางกิจวัตรประจำวันใหม่ ระบุเวลาที่แน่นอนในแต่ละกิจกรรม เช่น ตื่นนอนตี 5 ครึ่ง และต้องออกจากบ้านก่อน 6 โมงครึ่ง เพื่อให้ทันเข้าเรียน หลังอาหารเย็น คือเวลาทำการบ้าน เสร็จแล้วลูกจึงมีเวลาพัก เป็นต้น

- อย่า Over-scheduled บางครั้งพ่อแม่อาจเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มความเครียดเรื่องเวลาให้กับลูก ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่แน่นเกินไป ทั้งเรียนพิเศษ แข่งกีฬา ฯลฯ หากคุณเริ่มรู้สึกว่าลูกมีความเครียดเพราะจัดสรรเวลาไม่ลงตัว อาจลองทบทวนดูว่าคุณกดดันให้ลูกทำกิจกรรมต่าง ๆ มากไปหรือเปล่า คุยกับลูกอย่างเปิดใจ และช่วยให้ลูกได้มีเวลาพักผ่อนส่วนตัวบ้าง

- เป็นตัวอย่างที่ดี หากคุณยังคงผิดเวลานัด ทำงานไม่เคยทันเดดไลน์ ก็มีโอกาสมากที่ลูก ๆ จะเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านี้ ดังนั้นพ่อแม่จึงควรบริหารเวลาในชีวิตให้ลงตัว เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็ก ๆ ค่ะ

มาร่วมเรียนรู้กับ Starfish Labz

แหล่งเรียนรู้และชุมชนออนไลน์เพื่อนักการศึกษาและผู้ปกครอง

ลงทะเบียน

Related Courses

การเลี้ยงลูกที่มีความต้องการพิเศษ
การรู้จักตนเอง การบริหารจัดการตนเอง
basic
2:00 ชั่วโมง

การส่งเสริมทักษะเด็กออทิสติก

เรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการด้านต่างๆของเด็กออทิสติก เพื่อให้เป็นตัวช่วยในการออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเด็กกลุ่มนี้

Starfish Academy
Starfish Academy
การส่งเสริมทักษะเด็กออทิสติก
Starfish Academy

การส่งเสริมทักษะเด็กออทิสติก

Starfish Academy
1308 ผู้เรียน
ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในโลก และสังคม
ด้านความร่วมมือการ ทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ
basic
2:00 ชั่วโมง

แนวทางลดการบูลลี่ในสถานศึกษา

การถูกรังแก ล้อเลียน ดูหมิ่น เหยียดหยามผู้อื่นส่งผลให้เกิดความเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวลทำให้ไม่อยากไปโรงเรียน ปัญหาเหล่านี้จ ...

Starfish Academy
Starfish Academy
แนวทางลดการบูลลี่ในสถานศึกษา
Starfish Academy

แนวทางลดการบูลลี่ในสถานศึกษา

Starfish Academy
พัฒนาการเด็ก
การรู้จักตนเอง
basic
2:00 ชั่วโมง

พัฒนาการด้านร่างกายสำคัญอย่างไร

เรียนรู้ความสำคัญ ตัวอย่างกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย แนวทางการจัดประสบการณ์และการประเมินพัฒนาการด้านร่า ...

Starfish Academy
Starfish Academy
พัฒนาการด้านร่างกายสำคัญอย่างไร
Starfish Academy

พัฒนาการด้านร่างกายสำคัญอย่างไร

Starfish Academy
6297 ผู้เรียน
ภาษาและการสื่อสาร
ด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ ด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา
basic
3:00 ชั่วโมง

How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ

การสื่อสารภาษาอังกฤษ ใครว่ายาก? หากเราเข้าใจ และสื่อสารมันจากความรู้สึก และไม่ต้องกังวลจนเกินไป ในคอร์สเรียนนี้เราจ ...

ศรีชัยยะพรกณก กิจเวชเจริญ (อ.บี)
ศรีชัยยะพรกณก กิจเวชเจริญ (อ.บี)
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
ศรีชัยยะพรกณก กิจเวชเจริญ (อ.บี)

How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ

ศรีชัยยะพรกณก กิจเวชเจริญ (อ.บี)

ต้องใช้ 100 เหรียญ

Related Videos

สอนลูกรู้จักรักและเคารพสิทธิของตนเอง
08:32
Starfish Academy

สอนลูกรู้จักรักและเคารพสิทธิของตนเอง

Starfish Academy
314 views • 2 ปีที่แล้ว
สอนลูกรู้จักรักและเคารพสิทธิของตนเอง
Bullying Space
03:39
Starfish Academy

Bullying Space

Starfish Academy
834 views • 3 ปีที่แล้ว
Bullying Space
TSQP Kick Off แนวคิดห้องเรียนแห่งความสุข
05:24
Starfish Academy

TSQP Kick Off แนวคิดห้องเรียนแห่งความสุข

Starfish Academy
285 views • 2 ปีที่แล้ว
TSQP Kick Off แนวคิดห้องเรียนแห่งความสุข
Starfish Trend Talk | EP.3 | : เราต่างต้องค้นหาตัวเองในทุกช่วงวัย
43:23
Starfish Academy

Starfish Trend Talk | EP.3 | : เราต่างต้องค้นหาตัวเองในทุกช่วงวัย

Starfish Academy
377 views • 1 ปีที่แล้ว
Starfish Trend Talk | EP.3 | : เราต่างต้องค้นหาตัวเองในทุกช่วงวัย