อย่าให้ภาพที่คุณถ่าย ทำร้ายลูก
สิทธิของเด็กในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่ถูกมองข้ามอยู่บ่อยครั้ง เพราะบางทีเกิดจากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจของผู้ปกครอง อาจถูกละเลยเพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆจนเรามองข้ามไปว่าเด็กก็เป็นมนุษย์คนนึงที่พึงได้รับสิทธิ์ในการปกป้องจากการละเมิดสิทธิ และในวันนี้เราจะแสดงให้เห็นถึงสิทธิที่เด็กควรมี ให้ผู้ปกครอง หรือพ่อแม่ ได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ก่อนอื่นเลย เราจะยกตัวอย่างการกระทำที่สังคมปัจจุบันส่วนมากมักมองข้าม นั่นก็คือการที่คนใกล้ตัวของเด็กๆ ไม่วาจะเป็น ผู้ปกครอง ญาติ เพื่อน โพสต์รูปภาพ ถ่ายคลิป หรือแชร์สื่อผ่านทางโซเชียลมีเดีย แต่ส่วนมากก็มักจะเป็นความเคยชินที่คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร ก็ตลกดี แค่สร้างความบันเทิงให้กับเพื่อนๆในโซเชียลมีเดีย แต่จริงๆแล้วนี่ต่างหากที่เป็นดาบสองคมที่อาจทำร้ายเด็กๆได้
ทำร้ายอย่างไร?
จริงๆแล้วการกระทำเหล่านี้ไม่ต่างจากการเอาเด็กมาประจาน เช่น คลิปล้อเลียนเด็กที่พูดไม่ชัด ภาพเด็กเปลือยกาย และอีกหลายๆสื่อที่มีการละเมิดเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังอาจมีบุคคลไม่หวังดีเข้ามาหาผลประโยชน์ได้
พอถึงตรงนี้ให้คิดไว้ก่อนว่าเด็กได้รับสิทธิและการคุ้มครองทางกฏหมายเหมือนกันกับทุกคนตั้งแต่แรกเกิด อย่างน้อยก็การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล และการกระทำที่ทำให้เด็กรู้สึกอับอาย
แบบไหนที่ไม่เหมาะสมและอาจเป็นการละเมิดสิทธิของเด็ก?
“ภาพถ่ายร่วมกับเด็กคนอื่นโดยไม่ได้รับการยินยอม” เพราะจะเป็นการล่วงละเมิดสิทธิเด็กคนอื่นที่อยู่ในภาพ แม้กระทั่งภาพที่ติดหน้าของเด็กก็ถือว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัว
“ภาพถ่ายโรงเรียนของเด็ก หรือระบุตำแหน่งให้พื้นที่สาธารณะทราบตลอดเวลา” เพราะอาจจะมีมิจฉาชีพหรือบุคคลไม่หวังดีกำลังแอบดูความคืบหน้าของเด็ก ที่สำคัญ อย่าแชร์โลเคชั่นเป็นอันขาด เพราะนั่นหมายถึงเด็กอาจกำลังตกอยู่ในอันตรายได้โดยที่ไม่รู้ตัว
“ภาพถ่ายเด็กตอนอาบน้ำ” อาจจะเป็นภาพช่างดูน่ารักน่าชัง แต่อาจจะมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรือคนโรคจิตบางคนคิดไม่ดีกับเด็ก
“ภาพถ่ายที่เด็กไม่อยากให้แชร์” หากเด็ก ๆ นั้นพอจำความได้ และไม่ต้องการให้ลง การนำสื่อนั้นไปเผยแพร่ถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของเด็ก อาจทำให้รู้สึกอับอายและเสียใจได้
“ภาพถ่ายที่ดูแล้วทำให้รู้สึกว่าเด็กๆ ไม่ปลอดภัย” เช่น ภาพถ่ายที่ให้ลูกนั่งตักในขณะที่พ่อหรือแม่กำลังขับรถอยู่ สะท้อนว่าพ่อแม่กำลังประมาทและไม่พร้อมที่จะดูแลลูก อาจเกิดการถูกตำหนิ และสร้างภาพลักษณ์ในแง่ลบต่อครอบครัวได้
แล้วทำไมเรามักมองข้าม?
จริงๆแล้วมีกฎหมายใช้ในการคุ้มครองเด็ก มี 3 ฉบับ คือ
พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 2546
พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550
พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัว มาตรา 76 ซึ่งมีบทบัญญัติ ห้ามถ่ายหรือบันทึกภาพเด็กกระทำผิด
รวมถึงพระราชบัญญัติคุ้ครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีเนื้อหาเพื่อคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยผู้อื่นจะไม่สามารถเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนได้ โดยกฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 27 พฤษภาคม 2563
ซึ่งจะทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูลก่อนเก็บ ไปใช้ และเผยแพร่ ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ และข้อมูลอื่นๆ ที่สามารถเชื่อมโยงระบุตัวเจ้าของข้อมูลซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาได้ และรวมถึง
"ภาพถ่ายบุคคลที่เห็นหน้าชัดเจนด้วย"
หากผู้ใดนำข้อมูลดังกล่าวออกเผยแพร่โดยเจ้าของข้อมูลไม่อนุญาต เจ้าของข้อมูลมีสิทธิแจ้งความดำเนินคดีได้ โดยมีโทษทั้งทางแพ่งและอาญา การฝ่าฝืนกฎหมายฉบับนี้มีทั้งโทษจำคุก, ปรับ และจ่ายค่าเสียหาย โดยโทษสูงสุดคือ จำคุก 1 ปี, ปรับ 3 ล้านบาท และจ่ายค่าเสียหายสองเท่า แต่การบังคับใช้ดังกล่าวยังไม่ทั่วถึง และประชาชนยังขาดความตระหนัก ยังเห็นว่ามันเป็นเรื่องสนุกขำขัน แต่ถ้ามองในมุมลึก มันคือการใช้เด็กเป็นเครื่องมือมาสร้างความบันเทิงให้กับผู้ใหญ่นั่นเอง
วิธีแชร์อย่างถูกวิธีและไม่ละเมิดสิทธิ
- อาจจะถามความคิดเห็น แสดงความเข้าใจกับเด็กก่อนที่จะลงรูป/คลิป เพราะบางทีที่เห็นว่ามันดูน่าตลก แต่กับเด็กนั้นอาจจะไม่ตลกและรู้สึกอับอายได้
- อย่าแสดงความเคลื่อนไหวของเด็กอยู่ตลอดเวลาเพราะเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวและผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าถึงตัวเด็กได้โดยตรง
- ผู้ปกครองควรวางโทรศัพท์ทุกครั้งที่เด็กร้องไห้ ไม่ใช่คอยถ่ายคลิปตลอดเวลาที่เด็กร้องไห้ ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับจิตใจของลูกน้อยกว่าการอัดภาพ และอาจสร้างความเจ็บปวดทางจิตใจให้กับลูก ๆ ได้
- ลดสื่อประเภทที่กล่าวไว้ข้างต้น เพราะการทำซ้ำจะสร้างความเคยชินให้กับสังคมและเกิดปัญหาได้
สุดท้ายนี้อยากให้ผู้ปกครองหันมาใส่ใจเด็กให้มากขึ้น ให้พึงคิดเสมอว่าเด็กก็ควรมีสิทธิเหมือนที่เราได้รับ อันไหนที่เราไม่ชอบ เด็กก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบเช่นกัน แล้วอย่าลืมบอกต่อคนใกล้ตัวถึงการกระทำต่างๆที่อาจสร้างความอันตรายหรืออับอายให้แก่เด็กด้วย
Related Courses
สุขภาพเด็กวัยเรียนสำคัญอย่างไร
การเรียนรู้เกี่ยวกับสุขภาพของเด็กในวัยเรียนที่ครูและผู้ปกครองสามารถเรียนรู้ พร้อมนำไปปรับใช้ให้มีความเหมาะสมกับเด็ก ในด้านก ...
พัฒนาการด้านร่างกายสำคัญอย่างไร
เรียนรู้ความสำคัญ ตัวอย่างกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย แนวทางการจัดประสบการณ์และการประเมินพัฒนาการด้านร่า ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
การสื่อสารภาษาอังกฤษ ใครว่ายาก? หากเราเข้าใจ และสื่อสารมันจากความรู้สึก และไม่ต้องกังวลจนเกินไป ในคอร์สเรียนนี้เราจ ...
How to พูดอังกฤษยังไงให้เป๊ะ แบบไม่เน้นท่องจำ
ต้องใช้ 100 เหรียญ
DIY กระถางต้นไม้ทำมือ
การปลูกต้นไม้ช่วยเพิ่มความร่มรื่น อีกทั้งยังใช้เป็นของตกแต่งบ้านได้อีกด้วย กระถางต้นไม้ก็เป็นส่วนสำคัญในการปลูกต้นไม้ มาฝึกทำกระ ...