เทคนิคการออกแบบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
Starfish Talk แบ่งปันไอเดีย สร้างห้องเรียนสมรรถนะตามเกณฑ์ วPA ในหัวข้อ “เทคนิคการออกแบบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ” ในวันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 19.00 - 20.00 น.โดยมีแขกรับเชิญมาร่วมแบ่งปันความรู้ ได้แก่
- ดร.กมลรัตน์ ฉิมพาลี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนถนนหักพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.น้ำเพชร นาสารีย์ หัวหน้าหน่วยวิจัยและพัฒนาหลักสูตร โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะศึกษาศาสตร์ ม.รามคำแหง
โดยมี คุณครูตะวัน แสงทอง (ครูโทนี่) รองผู้อำนวยการโรงเรียนไทรโยคมณีกาญจน์วิทยา จังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้ดำเนินรายการ
ในบทความนี้ถอดองค์ความรู้ที่สำคัญเพื่อใช้เป็นแนวทางและสร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
การวัดประเมินผลมีความสำคัญอย่างไรต่อผู้เรียน และเพราะอะไรเราต้องออกแบบให้มีความเหมาะสมกับผู้เรียน
- คำว่าเหมาะสม ของแต่ละระดับไม่เหมือนกัน เราจะต้องมองว่าเราจะวัดประเมิน “อะไร” ซึ่งจะสอดคล้องกับการออกแบบการจัดการเรียนรู้ และจะไม่แยกขาดออกจากกัน เพราะฉะนั้นคุณครูจะต้องย้อนกลับตอนที่วางแผนว่า อยากให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องใด
- การสังเกตพฤติกรรมของครูผ่านตา ไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงของนักเรียน เพราะฉะนั้นคุณครูต้องทำความเข้าใจการวัดและประเมินผล เพื่อตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ในส่วนสุดท้ายว่า นักเรียนของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และเขาต้องการช่วยเหลือในด้านใดบ้าง
- การวัดประเมินผลมีความสำคัญมากๆ ถ้าเราไม่มีการออกแบบไว้ เราอาจจะประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นไปตามความรู้สึก แต่ถ้าเรามีหลักการทำให้เรามีหลักฐานว่าเรามีอะไร และทำให้เรารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอน
- หลักฐานเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้นักเรียนรู้ว่า ทุกคนเรียนรู้ได้ หากครูออกแบบการเรียนการรู้ที่ดี
รูปแบบการวัดและประเมินผลมีอะไรบ้าง
- การวัด/ เกณฑ์/การประเมิน มีความหมายที่แตกต่างกัน เช่น การวัด คือ การนำเครื่องมืออะไรมาวัด เพื่อให้เห็นตำแหน่ง หรือค่าตัวเลขต่างๆ เช่น เราเอาสายวัดมาวัดเอว วัดได้ 38 แต่เกณฑ์ในใจของเราที่อยากได้ 28 ส่วนการประเมินคือพฤติกรรม หรืออาการของเราที่ประเมินตัวเองว่า ฉันกำลังจะอ้วนแล้วนะ จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 คำนี้ มีความหมายที่แตกต่างกันแต่ใกล้เคียงกันมาก
- สรุป คือ วัดออกมาเป็นค่า เป็นตัวเลข แล้วนำมาเทียบกับเกณฑ์ แล้วจะสรุปข้อมูลแปลงเป็นเชิงคุณภาพ
- ส่วนการประเมิน (Assessment) คือกระบวนการรวมรวบเก็บหลักฐาน และนำไปสู่การตีความหมาย และนำไปสรุปเป็นเชิงคุณภาพ หรือตัวเลข ดังนั้นในมุมมองในห้องเรียนเราจะใช้การประเมินในเชิง Assessment มากกว่า Evaluation
- รูปแบบการประเมิน คือ รูปแบบเป็นทางการ เช่น การออกข้อสอบเขียน ทดสอบ เป็น choice เป็นเติมคำ เป็นจับคู่ เป็นต้น และไม่เป็นทางการ เช่น การสังเกตจากครู การที่นักเรียนเขียนอะไรบางอย่างไว้ในหนังสือ นั่นคือการเก็บหลักฐาน
- เรื่องการออกแบบการวัดและประเมินผล คือการดูการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น กระบวนทัศน์การในวัดผลจะต้องเปลี่ยน เพราะครูจะต้องการหลักฐานการทำงานของคุณครู และมาดูคู่มือเรื่องวิทยฐานะของครู เราจะเห็นว่า สิ่งที่อยากให้เกิดกับคุณครูเป็นเรื่องสมรรถนะในการปฏิบัติงาน ซึ่งสมรรถนะของครู ก็ต้องมีแผนการจัดการเรียนรู้ และผลลัพธ์ของผู้เรียน นอกจากนี้เรากำลังพูดถึงการเปลี่ยนแปลง เมื่อก่อนวัดแค่ K (knowledge) มันง่ายมากเลย แต่ความจริงเรากำลังดูการเปลี่ยนแปลงของเด็ก เพื่อที่จะส่งเสริมเขา ดังนั้น การวัดและประเมินจึงมีความสำคัญ
- ตัวชี้วัดการประเมินเพื่อมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ ตำแหน่งครู ได้แก่ 8 ตัวชี้วัด ในด้านที่ 1 การจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรี และ 4 ตัวชี้วัด ในด้านที่ 2 ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
ขยายความเรื่องรูปแบบของการวัดและประเมินผล (Testing-Measurement -Evaluation-Assessment)
- Testing การทดสอบ : เครื่องมือ + การตอบสนอง
- Measurement การวัด : เครื่องมือ + การให้ค่าที่เป็นตัวเลข
- Assessment การประเมินค่า : Assist ช่วยให้ข้อมูลในการตัดสิน “sitting beside” to sit beside the learner) การวัดและการแปลผล (ส่วนการประเมินผลจะมีหรือไม่มี ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์) โมเดลความคิด + ค่าสังเกต + การแปลความหายข้อมูล *ครูต้องมีกระบวนการคิดและการคาดการณ์พฤติกรรมนักเรียน
- Evaluation : การประเมินผล Evaluation = Value การตัดสิน/การให้คุณค่า
*นอกจากเครื่องมือแล้ว การมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนก็เป็นปัจจัยสำคัญในการประเมิน
จุดเริ่มต้นของการออกแบบการเรียนรู้
เริ่มตั้งแต่ Learn about (เรียนรู้อะไรบ้าง) ซึ่งเกี่ยวกับหลักการ ทฤษฎี การทดลอง การให้เหตุผล การสร้างเครื่องมือ ไปยัง Learn to do (นำความรู้ไปใช้) ซึ่งเกี่ยวกับทักษะต่างๆ เช่น การลงข้อสรุป การตัดสินใจ การแก้ไขข้อขัดแย้ง การตีความ วิเคราะห์ผลการทดลอง การสร้างแผนผัง แผนที่ และการแก้ปัญหา
การประเมิน 3 มิติ
- ครูประเมินผู้เรียน
- ผู้เรียนประเมินตัวเอง ไม่ใช่เป็นการประเมินเพื่อให้ได้คะแนนตามเกณฑ์ที่ครูวางไว้ แต่ผู้เรียนประเมินเพื่อเอาข้อมูลมาดูพัฒนาและสร้างจูงใจ
- เพื่อนประเมินผู้เรียน (เพื่อนประเมินเพื่อน)
* ครูจะต้องมีการปะเมินที่แยกออกจากกัน ว่าเราไม่ได้ประเมินเพื่อที่จะเอาผลคะแนนมาตัดสินเด็ก
วิธีการออกแบบการเรียนรู้ไปจนถึงการออกแบบการวัดและประเมินผล
- หลักการคิดไปข้างหน้า โดยยึดจุดประสงค์การเรียนรู้เป็นหลัก (P/S/A) เช่น เราจะว่าคนทั่วไปเอามารู้ว่าเราจะสามารถนำดอกไม้ริมทางมาตรวจสอบสารเคมีเพื่อให้เราไม่เป็นอันตรายได้ไหม
- ครูฉีกบทเรียนจากหนังสือ เราจะต้องสืบเสาะค้นหาต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับชีวิตนักเรียน
- หลักการคิดย้อนกลับหลัง โดยครูถามตัวเองว่า ฉันอยากสอนอะไร / ฉันชอบอะไร ในวิชาเลือกต่างๆ
- ออกแบบจาก A / S / K คือ K ครูอยากให้เขาคิดอะไร / S คือ ครูอยากให้เขาทำอะไรได้ / A คือ ครูอยากให้เขาเกิดเจตนคติอะไร
- ครูตั้งใจเลือกสถานการณ์ คาดการณ์คำตอบเพื่อเขียนโครงสร้างการประเมิน เชื้อเชิญให้นักเรียนแสดงออก (พฤติกรรม/ทักษะ/เจตคติ/สมรรถนะ) นักเรียนเข้าใจหรือมีส่วนร่วมในเกณฑ์การประเมินเพื่อรวบรวมข้อมูลที่สำคัญให้นักเรียนได้
- ครูตั้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้ชัดเจน เช่น จุดประสงค์เชิงสมรรถนะ 1. บรรยายโครงสร้างและหน้าที่ของหัวใจ หลอดเลือด และเลือด 2. อธิบายการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือกโดยใช้แบบจำลอง 3. ออกแบบการทดลองและทดลองในการเปรียบเทียบอัตราการเต้นของหัวใจขณะปกติและหลังการทำกิจกรรม 4. ตระหนักถึงความสำคัญของระบบหมุนเวียนเลือดโดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือด
- ตัวชี้วัดที่ 6 ผู้เรียนได้รับการสะท้อนกลับจากครู จากการที่ครูสังเกต ดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด (ภาวะช่วงเวลาฉุกเฉิน) ณ เจอเหตุการณ์นั้นครูควรเขียนสะท้อนหลังแผนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้การสะท้อนกลับนักเรียนทันทีแบบที่ไม่รู้ตัว หรือโดยไม่ได้วางแผนมาก่อน
เทคนิคการตั้งคำถาม (ยกตัวอย่างหัวข้อ หอมแดง)
ระดับ 1: นักเรียนจำแนก…ได้อย่างไร / นักเรียนจำอะไรได้บ้าง / ใครทำการศึกษาเรื่องอะไร / ที่ไหน / เมื่อไหร่ / ทำอย่างไร / ผลเป็นอย่างไร
ระดับ 2 : จงอธิบายความหมายคำว่า…./ จงเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง…กับ…
ระดับ 3 : เราจะพัฒนา…ไปเป็น…ได้อย่างไร / เราจะเปลี่ยน..เป็น…ได้อย่างไร / หอมแดงแห้งนี้ จะนำไปใช้อย่างไร
ระดับ 4 : คุณลักษณพิเศษ ที่พูดกันติดปากว่า “...” ข้อความดังกล่าวนักเรียนคิดว่าเป็นการบ่งชี้ลักษณะสำคัญจำเพาะอะไร
ระดับ 5 : นักเรียนใช้อะไรเป็นเกณฑ์ตัดสินใจ เลือกทำผลิตภัณฑ์แปรรูป
เครื่องมือในการวัดและประเมินผล
- การใช้ภาพ การวาดภาพเพื่ออธิบายความหมายและทบทวนความรู้เดิม
- การใช้สัญญาลักษณ์ และทำให้เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้
- แผนภาพทางความคิด
ข้อความส่งกำลังใจ
- การประเมินและการเลือกใช้เครื่องมือที่ดี จะเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้ครูรู้ว่านักเรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ ดังนั้น จะต้องกลับไปที่การตั้งเป้าหมายในการเรียนรู้
- การวัดและประเมินผลไม่ใช่สิ่งน่ากลัว เราจะต้องรู้ว่า 1. เราประเมินใคร 2. ใครเป็นคนประเมิน 3.ไม่ต้องฟุ่มเฟือยกับการประเมินผล
- การตั้งเกณฑ์ประเมินผลตามเกณฑ์ เช่น อ่อน เก่ง เก่งมาก
Q & A อยากขอคำแนะนำในการประเมินนักเรียนรายบุคคลสำหรับห้องเรียนขนาดใหญ่ ครู 1 คน สอนนักเรียนจำนวนมาก
ตอบ พยายามจับกลุ่มเด็กเป็น 3 คน ได้แก่ กลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือ กลุ่มที่ช่วยตัวเองได้ กลุ่มที่เก่ง และพยายามแบ่งกลุ่มย่อยๆ เหมือนกับการแบ่งกลุ่มปัญหา เด็กให้เล็กลงไปอีก เราจะพบว่าปัญหาจะลดน้อยลง
วิดีโอใกล้เคียง
PA Live Talk วPA กับบริบทของห้องเรียนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 1
PA Live Talk ศึกษานิเทศก์ ทำ PA อย่างไร
คลิปแรงบันดาลใจ ประตูสู่ความสำเร็จ วPA
"ความท้าทาย โอกาส และความสำเร็จ"
คอร์สใกล้เคียง
เตรียมพร้อมกับวิทยฐานะใหม่
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งวิทยฐานะครู (วPA) เพื่อการพัฒนาการศึกษาและความก้าวหน้าในวิชาชีพครู
เตรียมพร้อมกับวิทยฐานะใหม่
เตรียมพร้อมก่อนทำคลิปประเมินวิทยฐานะ EP.1 วิธีการสอน
หลักสำคัญ ในการสอนที่มีประสิทธิภาพ 8 ข้อ ซึ่งจะใช้ในการประเมินคลิปการสอนของครู เป็นแนวทางใหม่ของการประเมินวิทยฐานะของครู
เตรียมพร้อมก่อนทำคลิปประเมินวิทยฐานะ EP.1 วิธีการสอน
การสอนคณิตศาสตร์แบบ Active Learning เพื่อวิทยฐานะ (PA)
การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning เพื่อพัฒนาเทคนิคการสอนคณิตศาสตร์ และเพื่อเป็นแนวทางในการประเมินวิทยฐานะ (PA)
การสอนคณิตศาสตร์แบบ Active Learning เพื่อวิทยฐานะ (PA)
การประเมินเพื่อขอ เลื่อนวิทยฐานะใหม่ “ตำแหน่งครู”
เรียนรู้ ทำความเข้าใจภาพรวมของการประเมินเพื่อขอมี / เลื่อนวิทยฐานะใหม่ “ตำแหน่งครู” (วPA)